“มะเขือเทศเชอรี่ “เป็นมะเขือเทศขนาดเล็กที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย และเป็นที่นิยมรับประทานสดหรือใช้ในสลัด

คุณประโยชน์ต่อสุขภาพ
“มะเขือเทศเชอรี่” มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ:
- อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ: เป็นแหล่งที่ดีของวิตามิน C, A, K และโพแทสเซียม ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา และช่วยให้เกล็ดเลือดแข็งแรง
- สารต้านอนุมูลอิสระ (ไลโคปีน): มีสารไลโคปีน (Lycopene) สูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และช่วยชะลอความแก่ ลดริ้วรอยแห่งวัย
- ดีต่อผิวพรรณ: สารอาหารต่างๆ ในมะเขือเทศเชอรี่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง

มะเขือเทศเชอรี่ เป็นพืชที่มีถิ่นดั้งเดิมอยู่ในแถบอเมริกาใต้แนวเส้นศูนย์สูตร ได้แก่ ประเทศเปรูและชิลี มีการเติบโตแบบต้นไม้กึ่งเลื้อย กล่าวคือช่วงเริ่มเจริญจะเติบโตในแนวตั้ง เมื่อลำต้นมีความสูงราว 30-50 เซนติเมตรจะเริ่มเจริญขนานไปกับพื้น และมีความสูงราว 120-150 เซนติเมตร มีกิ่งก้านจำนวนมาก จะมีขนอ่อนเกาะตามลำต้นในช่วงแรกของการเจริญเติบโต ระบบรากแก้วมีการแผ่กระจายเร็ว ใบจะมีขอบที่หยักและมีขนบางๆบริเวณผิวแผ่นใบ โดยที่ขนอ่อนนั้นจะมีต่อมสำหรับผลิตสารระเหยเพื่อใช้ป้องกันตนเองจากแมลงศัตรูพืช ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ยิ่งอุณหภูมิเย็นจะยิ่งเพิ่มปริมาณดอกได้มาก ดอกจะเริ่มบานหลังปลูกราว 5-6 สัปดาห์ แตกดอกเป็นช่อ แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยประมาณ 10-15 ดอก ให้ผลขนาดเล็ก มีทั้งแบบทรงรีและทรงกลม มีเมล็ดน้อยหรือไม่มีเมล็ด เนื้อแน่นกรอบ ผลจะเริ่มมีสีสันเข้มหลังจาก 2 เดือนที่ทำการหยอดเมล็ด

สภาพภูมิอากาศที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตมะเขือเทศเชอรี่ คือ 15-25 องศาเซลเซียส เพราะหากอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไปจะส่งผลให้ไม่เกิดการผสมพันธุ์ และควรอยู่ในทำเลที่รับแสงแดดได้เต็มที่ตลอดทั้งวันเพื่อให้ได้ผลผลิตดี ดินที่ปลูกนอกจากจะเป็นดินที่ร่วนซุยและอุดมด้วยอินทรียวัตถุแล้ว ควรจะมีค่าความเป็นกรดด่างที่ pH6.0-6.5 และควรต้องหมั่นตรวจตราต้นมะเขือเทศเสมอเพื่อป้องกันโรคพืชและแมลงศัตรูพืช รอจนผลมะเขือให้สีเข้มจึงเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้





