“ผักกระเฉด ” ผักพื้นบ้าน สร้างรายได้

ผักกระเฉด (Water Mimosa) เป็นผักพื้นบ้านที่เป็นไม้น้ำ มีลักษณะเด่นคือใบที่สามารถหุบได้เมื่อถูกสัมผัส และมี “นม” หรือ “นวม” สีขาวหุ้มตามลำต้นเพื่อช่วยในการลอยตัว คำสุภาพเรียกว่า “ผักรู้นอน”

102827474

ประโยชน์และสรรพคุณ

ผักกระเฉดอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้:

  • บำรุงเลือด: มีธาตุเหล็กสูง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงและป้องกันภาวะโลหิตจาง
  • บำรุงกระดูกและฟัน: มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
  • ช่วยการขับถ่าย: มีกากใยอาหารสูง ช่วยในการขับถ่ายและดีท็อกซ์ลำไส้
  • ต้านอนุมูลอิสระ: มีวิตามินเอและวิตามินซี ช่วยบำรุงสายตาและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน 
thumb 68 2

เมนูยอดนิยม

ผักกระเฉดนิยมนำมาปรุงอาหารที่เน้นความกรอบ เช่น:

  • ผัดผักกระเฉดไฟแดง: มักผัดกับหมูกรอบ กระเทียม และพริกจินดา
  • ยำวุ้นเส้นผักกระเฉด: ใส่กุ้งสดหรือหมูสับ รสชาติเปรี้ยวหวานเผ็ด
  • เส้นหมี่ผัดกระเฉด: นิยมใช้กุ้งสดและมันกุ้งเพื่อให้มีรสชาติเข้มข้น
  • แกงส้ม: ใช้ยอดอ่อนใส่ในแกงส้มผักรวมหรือแกงส้มชะอมไข่ 
309147575 406086198349432 5836331709265542751 n

วิธีเพาะปลูกผักกระเฉด โดยวิธีการปลูกจะเริ่มจากการไถ่กลบหน้าดินแปลงที่จะปลูก และใส่ปุ๋ยหมักลงไปในดินหรือหมักวัชพืชให้เน่าเพื่อทำให้ดินดียิ่งขึ้นและเริ่มปล่อยน้ำเข้าแปลงประมาณ 25-50 เซนติเมตร จากนั้นนำผักกระเฉดที่มีความยาวประมาณ40-50 เซนติเมตรทั้งนี้ต้องให้ความยาวเหมาะกับระดับน้ำที่ปล่อยเข้าแปลงด้วย โดยจะต้องปักประมาณ 4-5 ต้นต่อที่ และต้องปักให้แน่นและลึกพอประมาณไม่เกิน 10 เซนติเมตร ให้ส่วนยอดนั้นโพล่พ้นน้ำเพื่อให้สัมผัสกับแสงแดดด้วยเพราะผักกระเฉดจะขึ้นได้ดีในที่ที่มีแสงเยอะ และให้เว้นระยะห่างระหว่างต้นประมาณสองเมตรเมื่อแตกหน่อก็คอยเขี่ยเพื่อไม่ให้เกยทับกันหลังปลูกให้บำรุงด้วยปุ๋ยยูเรียรวมปุ๋ยคอกสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็พอแล้วจากนี้ก็รอเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เลย

obbtg9aa2SP5SHibgwm o

ข้อควรระวัง 
       

มีคำแนะนำออกมาว่าการรับประทานผักกระเฉดควรทำให้สุกก่อนนำมารับประทาน เพราะมีความเสี่ยงต่อพยาธิตัวอ่อนที่อาจปะปนเข้ามา รวมไปถึง “ไข่ปลิง” ที่ทนความร้อนได้สูงมาก ต้องต้มด้วยความร้อนสูงถึง 500 องศาเซลเซียสและต้องต้มนานเป็นชั่วโมงถึงจะรับประทานได้อย่างปลอดภัย และนอกจากนี้ยังอาจมีสารพิษจากยาฆ่าแมลง “คาร์โบฟูราน” ปลอมปนเข้ามาอีกด้วย ซึ่งสารพิษตัวนี้มีพิษร้ายแรงต่อร่างกายมนุษย์ มีผลต่อระบบประสาทและหัวใจ เป็นสารก่อมะเร็ง และอาจทำให้ระบบสืบพันธุ์ทำงานผิดปกติได้ ซึ่งผักกระเฉดในบ้านเราก็เคยถูกอียูสั่งแบน ห้ามนำเข้าอย่างเด็ดขาดมาแล้วด้วยสาเหตุนี้เอง ถ้าไม่แน่ใจจริงก็รับประทานด้วยวิธีปรุงสุกจะดีกว่ารับประทานแบบประเภทยำ
       

ควรเลือกซื้อผักกระเฉดที่มียอดอ่อน เพราะจะมีความกรอบและอร่อยมากกว่าผักกระเฉดแก่ สำหรับเคล็ดลับในการลวกผักง่าย ๆ ก็คือ ต้องตั้งน้ำให้เดือด ใส่เกลือด้วยเล็กน้อย และอย่าลวกนานเพราะจะทำให้ผักกระเฉดเหนียวได้ หรือถ้าจะให้ดีเมื่อลวกเสร็จแล้วให้ตักผักใส่น้ำเย็นจัดทันที จะทำให้ผักกระเฉดกรอบอร่อยและน่ารับประทานมากขึ้น (หรือจะใช้น้ำแข็งมาโปะก็ได้เช่นกัน)