กรมวิชาการเกษตร ลุยขับเคลื่อนเทคโนโลยีชีวภัณฑ์”ไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทย” กำจัดเสี้ยนดินเพิ่มผลผลิต”มันแกว” พืชพื้นถิ่นจังหวัดมหาสารคามให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐานปลอดภัย แนะใช้เทคโนโลยีครบวงจร พร้อมใส่ไรโซเบียมเสริมปุ๋ยอินทรีย์ ช่วยเพิ่มผลผลิตมันแกวได้ถึง 7 พันกิโลกรัม/ไร่ สร้างรายได้เพิ่มเกษตรกรนับหมื่นบาท
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในปี 2565 ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรมหาสารคาม สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 กรมวิชาการเกษตร ได้นำผลงานวิจัยและเทคโนโลยีการผลิตมันแกวคุณภาพดีได้มาตรฐานและปลอดภัยสู่การเพิ่มมูลค่าและสร้างอัตลักษณ์เด่นพื้นถิ่นจังหวัดมหาสารคาม ขับเคลื่อนไปสู่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันแกวในท้องถิ่นอำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม พื้นที่กว่า 2,000 ไร่
โดยบูรณาการความร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา องค์กรภาครัฐภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม มีการประสานงานในรูปเครือข่ายทั้งด้านวิชาการ ปัจจัยการผลิต การแปรรูป การตลาด และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลผลิตมันแกวมีคุณภาพ ขาว หวาน กรอบ อร่อย ปลอดภัยจากสารพิษ ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค สามารถเพิ่มมูลค่ามันแกวและสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นอัตลักษณ์เด่นพื้นถิ่นของจังหวัดมหาสารคามได้อย่างมีคุณภาพ ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรผู้มันแกว
ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรมหาสารคาม ได้นำเทคโนโลยีชีวภัณฑ์”ไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทย” ซึ่งเป็นผลงานวิจัยของสำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร ไปถ่ายทอดให้เกษตรกรผู้ปลูกมันแกวอำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งประสบปัญหาเสี้ยนดินเข้าทำลายผลผลิต
โดยใช้เนื้อมะพร้าวแก่คลุกกับไส้เดือนฝอยใส่กระปุก เจาะรู ทำเป็นกับดักอาหารเหยื่อล่อเสี้ยนดิน ฝังไว้ในดินบริเวณแปลงปลูกมันแกว เมื่อมันแกวอายุประมาณ 45-60 วัน เสี้ยนดินได้เข้ามากินอาหารในกับดักอาหารเหยื่อล่อ ที่คลุกไส้เดือนฝอยไว้ ส่งผลให้เสี้ยนดินที่กินอาหารในกับดักตายภายใน 1 วัน
และจากผลการดำเนินงานในแปลงของเกษตรกรโดยการปลูกแบบเกษตรกรทั่วไป พบว่า การฝังกับดักอาหารเหยื่อล่อร่วมกับไส้เดือนฝอย จำนวน 4 จุด ต่อพื้นที่ 42 ตร.ม. สามารถลดความเสียหายของผลผลิตมันแกวได้ 35 % เมื่อเทียบกับการที่ไม่มีการป้องกันกำจัด และให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 3,989-4,080 กก./ไร่
ในขณะที่ไม่ใช้ไส้เดือนฝอย เกษตรกรจะได้รับผลผลิตเพียง 2,593-2,652 กก./ไร่เท่านั้น โดยคิดเป็นเงินที่ลดความเสียหายได้ถึง 2,268-5,016 บาทต่อไร่ การใช้เทคโนโลยีชีวภัณฑ์ไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทยในการควบคุมเสี้ยนดินจึงเป็นวิธีที่สามารถปรับใช้กำจัดและควบคุมเสี้ยนดินได้ได้อย่างเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสียหายของผลผลิตมันแกว
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ชีวภัณฑ์ไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทยผลงานวิจัยของกรมวิชาการเกษตรสามารถนำไปใช้ป้องกันกำจัดเสี้ยนดินที่เข้าทำลายผลผลิตมันแกวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้
นอกจากนี้ ยังพบว่าการนำเทคโนโลยีของกรมวิชาการเกษตรมาผลิตมันแกวทั้งระบบ ได้แก่ การจัดการเตรียมแปลงปลูก ระยะปลูกที่เหมาะสม การใส่ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำ การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยชีวภาพไรโซเบียมอัตรา 1,000 กก./ไร่ ยังสามารถเพิ่มผลผลิตมันแกวได้สูงถึง 7,776 กก./ไร่ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากวิธีการเดิมของเกษตรกรที่ไม่ใช้ปุ๋ยชีวภาพไรโซเบียม 16 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้น 10,232 บาท/ไร่
ขณะที่นาย เกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ได้ชื่นชมการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่าง อบต.บรบือ กับศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรมหาสารคามและหน่วยงานภาคีเครือข่าย ที่มีการนำผลงานวิจัยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ขยายผลไปสู่เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายเพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาการเกษตรขับเคลื่อนการผลิตมันแกวคุณภาพดี ได้มาตรฐานและปลอดภัย สู่การเพิ่มมูลค่าและสร้างอัตลักษณ์เด่นพื้นถิ่น โดยทางจังหวัดมีแผนที่จะผลักดันการขึ้นทะเบียนมันแกวบรบือ จังหวัดมหาสารคาม เป็นพืชอัตลักษณ์เด่นพื้นถิ่นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของจังหวัดมหาสารคามต่อไป