เฉลิมชัย ผุดไอเดีย”Sex Toy – Made In Thailand” กอบกู้ “ยางไทย” เพิ่มมูลค่า

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “Sex Toy – Made In Thailand” กอบกู้ “ยางไทย” เพิ่มมูลค่า #น้ำยางไทยดีที่สุดของโลก เพื่อกู้ราคายางในไทย

331041946 1015103492796666 2254891888130656488 n
เฉลิมชัย ศรีอ่อน

วันนี้เราต้องกล้าตัดสินใจ แปรรูปยางเข้าสู่ตลาด Sex Toy เพื่อทำกำไรเข้าประเทศ และไม่ใช่แค่เรื่องลามกจกเปรต แต่เป็นเรื่องของ “สุขภาวะทางเพศ”

ในปี 2021 ที่ผ่านมา ตลาด Sex Toy ทั่วโลก มีขนาด 1.3 ล้านล้านบาท

ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2016 ตลาด Sex Toy เติบโตขึ้น 300% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท ในปี 2030

เปลี่ยนแนวคิด Sex Toy “Made in Thailand” จะสร้างรายได้ให้เกษตรกรชาวสวนยางได้มากขึ้น กอบโกยรายได้มหาศาลเข้าประเทศ

พร้อมสร้างนิคมอุตสาหกรรมยาง “Rubber Valley” เพื่อเพิ่มพื้นที่การผลิตให้เป็นสัดส่วนอย่างมีระบบ พร้อมเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางเศรษฐกิจ ส่งออกยางให้มากกว่าที่เป็น

และครอบคลุมการ “แปรรูปยางทุกรูปแบบ”

กล้าเปลี่ยนแปลงเพื่อ “ปลดล็อกรายได้ คนไทย”

ด้านนายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย เสนอไอเดีย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “Sex Toy-Made In Thailand” กอบกู้ “ยางไทย” เพิ่มมูลค่า เพื่อกู้ราคายางในไทย ว่า ขณะนี้ในประเทศไทยยังไม่มีโรงงานแปรรูปยางพารา ผลิตภัณฑ์ หรือสินค้าประเภทดังกล่าวส่งออกขายนอกประเทศแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนี้ ทาง กยท. จะไปหารายละเอียดความเป็นไปได้ ของการต่อยอดผลผลิตตามแนวคิดของ รมว.เกษตรฯ ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เซ็กซ์ทอยยังเป็นสิ่งผิดกฎหมายในไทย แต่สำหรับตลาดโลกสินค้าเพื่อความสุขทางเพศชนิดนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดในปี 2021 ตลาดเซ็กซ์ทอยโลกมีมูลค่าอยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท และมีการคาดการณ์ว่าตลาดเซ็กซ์ทอยโลกจะมีมูลค่าถึง 2 ล้านล้านบาท ภายในปี 2030
 

เนื่องจากคนเจนใหม่ มีมุมมองต่อเซ็กซ์ทอยต่างไปจากคนรุ่นก่อน พวกเขาเปิดรับกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในฐานะอุปกรณ์ที่ช่วยเสริม สร้างความสุขทางเพศทั้งคนโสด คู่รักชายหญิง และคู่รัก LGBTQ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องผิดบาปแต่ประการใด
 

ปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นตลาดเซ็กซ์ทอยให้เติบโตก็คือวิกฤตโควิด-19 เนื่องจากผู้คนต้องอยู่แต่บ้านกันเป็นเวลานานและไม่สามารถออกไปมีเซ็กซ์กับคนจริง ๆ ได้ ทำให้มูลค่าตลาดเซ็กซ์ทอยในปี 2019 กระโดดขึ้นถึง 26% ในปี 2020 
 

หากมองแยกเป็นประเภทลงไป เซ็กซ์ทอยสำหรับเพศหญิงครองพื้นที่ในตลาดสูงสุดที่ 60% นั่นคือไวเบรเตอร์และดิลโด้ ซึ่งกลุ่มผู้ใช้เพศหญิงมีอายุตั้งแต่ 16-70 ปี
 

ขณะที่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็คือทวีปอเมริกาเหนือนั่นคือสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ถัดมาคือยุโรป เอเชียแปซิฟิก อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ตามลำดับ
 

การแข่งขันในตลาดเซ็กซ์ทอยค่อนข้างเข้มข้น โดยมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ๆ ทั้งรูปลักษณ์และตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะช่วยเพิ่มสีสันได้มากขึ้น ขณะที่บางบริษัทชูจุดขายเป็นความลักชัวรี่ไปเลย แต่อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่หลายบริษัทกำลังพยายามกันคือการลบภาพความลามกแบบ “หนังโป๊” ออกไปจากเซ็กซ์ทอย แต่ชูเรื่อง “สุขภาวะทางเพศ” หรือ Sexual Wellness ขึ้นมาแทน

ปัจจุบัน Sex Toy ตามกฎหมายไทยยังถูกจัดเป็น ‘สินค้าผิดกฎหมาย’ เข้าข่ายลามก อนาจาร เป็นอันตรายต่อสังคมและศีลธรรม ทางกรมศุลกากร ห้ามนำเข้า หรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร มีความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 287 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่การแบนก่อให้เกิดปัญหาที่ตามมาก็คือ เกิดการลักลอบนำเข้ามาขายอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานทั้งในเรื่องวัสดุที่ใช้ อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง อาการแพ้ได้ หรือการบาดเจ็บจากการเสียหายของอุปกรณ์ หรือในด้านระบบไฟฟ้า ซึ่งอาจเกิดการช็อตหรือระเบิด ทำอันตรายให้แก่ผู้ใช้งานได้ ดังนั้นจึงเคยมีผู้เสนอว่า หากเซ็กซ์ทอยเป็นสินค้าถูกกฎหมาย สามารถควบคุมให้ได้มาตรฐาน และมองว่ามีประโยชน์ทั้งการลดปัญหาอาชญากรรม การฆ่าข่มขืน ลดปัญหาหย่าร้างจากความต้องการทางเพศที่ไม่สมดุล

ชมคลิป >>>> https://www.facebook.com/TorPRDP/videos/8764537166951072/