นายกสมาคมหมูพร้อม6 สมาคมวิชาชีพและผู้ประกอบการ นำผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ รวมตัวขอบคุณนายกรัฐมนตรีปราบปรามหมูเถื่อนจริงจัง และยื่นแก้ต่อ 9 ประเด็นเร่งด่วน

12 ธันวาคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล – นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ พร้อม 6 สมาคมวิชาชีพสัตวแพทย์ สัตวบาล เวชภัณฑ์ อาหารสัตว์ และผู้แปรรูปปศุสัตว์เพื่อการส่งออก พร้อมผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ รวมตัวหน้าทำเนียบรัฐบาลขอบคุณนายกรัฐมนตรีปราบปรามหมูเถื่อนจริงจัง พร้อมยื่นข้อเสนอ 9 ประเด็นสำคัญ ที่จำเป็นต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นองค์ประกอบให้ภาคปศุสัตว์ โดยเฉพาะการเลี้ยงสุกร สามารถเดินหน้าและร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไปได้

IMG 75968 20231212152106000000 scaled
นายกสมาคมหมูพร้อมคณะนำผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ รวมตัวขอบคุณนายกฯปราบปรามหมูเถื่อนจริงจัง

นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวต่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าเนื้อสุกรผิดกฎหมายจากต่างประเทศ หรือ “หมูเถื่อน” เข้ามาแย่งตลาด สร้างความเดือดร้อน เสียหายให้กับผู้เลี้ยงสุกรของไทยอย่างต่อเนื่อง และเห็นชัดเจนมากขึ้นในระหว่างปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าปัจจุบันกระบวนทางกฎหมายในการปราบปรามผู้กระทำความผิด ตั้งแต่การลักลอบ หลีกเลี่ยง และนำเข้าสู่ตลาดภายในประเทศมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรของไทย ที่ยังคงขายสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ซึ่งการเลี้ยงสุกรของไทยมีต้นทุนสูงกว่าต่างประเทศ ทั้งอเมริกาใต้ สูงกว่าประมาณ 2 เท่า และในกลุ่มยุโรป สูงกว่าประมาณ 30% ของต้นทุนการเลี้ยงในกลุ่มประเทศเหล่านี้ 

“สาเหตุที่ทำให้เกิดช่องว่างให้มีการลักลอบนำเข้าสินค้าเนื้อสุกรผิดกฎหมายเข้ามาทำตลาด คือ ปัญหาต้นทุนการผลิตสุกรของไทยที่สูงกว่า โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกากถั่วเหลือง รวมถึงวัตถุดิบอื่นที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ของไทยมีราคาสูงกว่าราคาตลาดโลกอยู่มาก ซึ่งเกิดจากนโยบายปกป้องเกษตรกรในประเทศ และการแสวงหาผลประโยชน์จากบุคคลบางกลุ่ม แม้ราคาวัตถุดิบสูงขึ้นแต่ประโยชน์ไม่ตกถึงเกษตรกรไทย หากสามารถทบทวนมาตรการรัฐและกำกับดูแลราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้เหมาะสมได้ จะช่วยลดภาระต้นทุนการผลิตของภาคปศุสัตว์ได้เป็นอย่างมาก เกิดความเป็นธรรมทั้งเกษตรกรผู้ปลูกพืชอาหารสัตว์และเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ทั้งระบบ” นายสิทธิพันธ์กล่าว

ทั้งนี้ 9 ประเด็นที่นำยื่นนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้สั่งการแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของภาคปศุสัตว์ ประกอบด้วย

1.) เร่งรัดดำเนินคดีผู้นำเข้าเนื้อสุกรผิดกฎหมาย 

2.) ขอให้เร่งรัดมาตรการทางการเงินให้เร็วขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยที่ประสบปัญหาขาดทุน-วิกฤตด้านราคาสุกรตกต่ำ 

3.) เนื่องจากสุกรเป็นสินค้าควบคุม ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ จึงขอให้มีการกำกับดูแลราคาสินค้าสุกรและสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มให้เกิดความเป็นธรรม สามารถปรับเพิ่มราคาขายได้ให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นได้ 

4.)ขอให้ระงับการนำสินค้าสุกรเข้าไปอยู่ในกรอบการเจรจาเขตการค้าเสรี ไทย-สหภาพยุโรป (FTA Thai-EU) ตราบใดที่ภาคปศุสัตว์ของไทย ยังคงต้องแบกรับผลผลิตพืชอาหารสัตว์ในราคาที่สูงกว่าตลาดโลก

5.) ห้ามการจำหน่ายสินค้าเนื้อสุกรสด ในช่องทางออนไลน์ ซึ่งจะมีผลต่อคุณภาพของสินค้าในระหว่างการจัดส่งผ่านช่องทางการขนส่งทั่วไปที่ไม่มีการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม และไม่มีการควบคุมการเคลื่อนย้ายซากสัตว์ 

6.) ขอให้กำกับดูแลราคาสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ให้เกิดความเป็นธรรมต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดและเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ เข้มงวดในการบังคับใช้ประกาศมาตรฐานการหักลดน้ำหนักเมล็ดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีความชื้น ของกรมการค้าภายในเพื่อไม่ให้ผู้รวบรวมรับซื้อข้าวโพดท้องถิ่นกดราคารับซื้อจากเกษตรกรเกินความเป็นจริง รวมถึงให้มีการพิจารณาทบทวนวิธีการคำนวณหักน้ำหนักความชื้นให้เหมาะสมสอดคล้องกับปัจจุบันที่มีการปรับเปลี่ยนสายพันธุ์และรูปแบบการเพาะปลูก

7.) ขอให้ยกเลิกมาตรการที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ อาทิ มาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลี 3 : 1 ส่วน การกำหนดระยะเวลานำเข้าข้าวโพด AFTA และให้มีการขึ้นทะเบียนผู้นำเข้าแทน ซึ่งมาตรการเหล่านี้ทำให้ประเทศไทยมีราคาวัตถุดิบที่สูงกว่าทุกประเทศในโลก และพิจารณาปรับลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ อาทิ ภาษีกากถั่วเหลือง 2%, ภาษีกากเบียร์(DDGS) 9% และภาษีปลาป่น 15% รวมถึงภาษีวัตถุดิบอาหารสัตว์ชนิดอื่น เนื่องจากจะเป็นต้นทุนที่ส่งผ่านต่อมายังผู้เลี้ยงสัตว์

8.) พิจารณาโครงสร้างราคากากถั่วเหลืองเมล็ดนำเข้าที่ขายภายในประเทศตามต้นทุนการผลิตจริง เนื่องจากมีการตั้งราคาอ้างอิงตลาดโลกโดยบวกค่าขนส่งและภาษีนำเข้า 2% ไปในราคาขาย ตราบใดที่การนำเข้ากากถั่วเหลืองยังคงมีภาษีนำเข้า 2% เท่ากับผู้ประกอบการที่ซื้อกากถั่วเหลืองในประเทศจะต้องเสียภาษีให้กับผู้ขายในประเทศไปโดยปริยาย ซึ่งที่ผ่านมามักจะได้รับการกล่าวอ้างว่ารายได้ส่วนนี้มีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคน้ำมันถั่วเหลืองในประเทศ เปรียบเสมือนเกษตรกรปศุสัตว์ต้องช่วยจ่ายค่าน้ำมันถั่วเหลืองให้ผู้บริโภคทั้งประเทศ 

9.) ส่งเสริมการปลูกพืชอาหารสัตว์ที่ได้ที่มาตรฐาน GAP และส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยี GMO หรือ Gene Editing ที่จะทำให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น เป็นการลดต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น ข้าวสายพันธุ์ที่ได้ผลผลิตสูงที่เหมาะสำหรับเป็นพืชอาหารสัตว์โดยตรง โดยภาคเอกชนยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการผลักดันอย่างเป็นรูปธรรม และต่อเนื่อง

สำหรับการรวมตัวของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และอีก 6 สมาคมวิชาชีพในวันนี้ ประกอบด้วย 1)สัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ 2)สมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย 3)สมาคมธุรกิจเวชภัณฑ์สัตว์ 4)สมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทยฯ 5)สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย 6)สมาคมผู้ผลิตและแปรรูปสุกรเพื่อการส่งออก

ทั้งหมดนี้เป็นห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมสุกรที่ต้องช่วยกันผลักดัน เพื่อให้อุตสาหกรรมฯ เดินหน้าต่อไป ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่โปร่งใส 

ในฐานะตัวแทนของผู้เข้าพบทั้งหมด ขอขอบพระคุณ ฝ่ายบริหารทุกหน่วยงานที่ทุ่มเททำงานอย่างจริงจัง เข้มงวดต่อภารกิจปราบหมูเถื่อนอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย ท่านนายกรัฐมนตรี, ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, ท่านอธิบดีกรมปศุสัตว์, ท่านอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และทีมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 59/2566 กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม 

สมาคมฯ และผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศ ขอความกรุณาท่านนายกรัฐมนตรี ต่อยอดการแก้ปัญหาใน 9 แนวทางที่นำยื่น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับภาคปศุสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศ ให้ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งจะส่งผลต่อเสถียรภาพไปพร้อมกัน โดยสมาคมฯ และผู้แทนเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศ ยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามข้อเสนอข้างต้นอย่างเต็มที่” นายสิทธิพันธ์กล่าว