โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ เร่งช่วยเหลือเกษตรกร-ผู้บริโภค สั่งดำเนินการปราบปรามสุกรเถื่อน

วันที่ 26 ม.ค.66 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบความคืบหน้าของการดำเนินงานเพื่อปราบปรามสุกรเถื่อน ซึ่งสามารถปราบปรามสุกรเถื่อนได้กว่า 1 ล้านกิโลกรัม โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการย้ำให้ทำงานอย่างเคร่งครัดรัดกุม ปราบปรามควบคู่หาทางป้องกันในอนาคต สิ่งสำคัญคือต้องไม่ให้เกิดผลกระทบถึงผู้บริโภคและเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร 

อนุชา บูรพชัยศรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมปศุสัตว์ และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรตามภูมิภาคต่าง ๆ ได้ดำเนินการแก้ปัญหา สุกรเถื่อน ราคาสุกร รวมถึง โรคระบาด ASF ในสุกร ปัจจุบันสถานการณ์การเลี้ยงสุกรในภาคอีสาน มีผลผลิตแม่พันธุ์ถึง 70% และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 90% ภายในสิ้นปี 2566 เป็นผลจากการจัดการปัญหาสุกรเถื่อนที่มีประสิทธิภาพ โดยในปี 2565 มีการจับกุม สุกรเถื่อนได้ถึง 1 ล้านกิโลกรัม โดยส่วนมากสุกรเถื่อนเหล่านี้ถูกส่งเข้ามาจากต่างประเทศ 

ปราบปรามสุกรเถื่อน

ซึ่งจากประสิทธิภาพ และผลสำเร็จของการดำเนินการปราบปรามสุกรเถื่อนของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร มีความมั่นใจมากขึ้น เนื่องจากผลกระทบทางด้านราคาและจำนวนจากสุกรเถื่อนลดลงอย่างมาก โดยปัจจุบันมีจำนวนแม่พันธุ์ถึง 80,000-90,000 ตัว เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรมั่นใจในมาตรการที่ดำเนินการจริงจัง เห็นผล ของรัฐบาล ประชาชนผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นบริโภคเนื้อหมูได้อย่างปลอดภัย

เนื้อหมูเถื่อน

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า นโยบายปราบปรามสุกรเถื่อนจำเป็นต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เคร่งครัด เพื่อช่วยเหลือดูแลทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ให้สามารถขายสุกรได้ในราคาที่สมเหตุสมผลไม่มีผลกระทบทางการตลาดจากสุกรเถื่อน ลดการแพร่ระบาด โรค ASF ในสุกร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในผู้บริโภคและเพื่อดูแลกลุ่มคนที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายเนื้อสุกรอย่างถูกกฎหมายในประเทศ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล จนสามารถปราบปรามสุกรเถื่อนได้เห็นผลเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ดี สถานการณ์สุกรเถื่อนยังต้องดูแลเฝ้าระวัง และพิจารณาร่วมกันเพื่อมาตรการที่ครอบคลุมต่อไป” นายอนุชาฯ กล่าว

หมูเถื่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หมูลักลอบนำเข้าหรือ “หมูเถื่อน”  ส่งผลกระทบใน 2 มิติหลัก คือ 1.กระทบต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกร หรือการเลี้ยงหมูของเกษตรกรไทย 2.ความเสี่ยงต่อสารปนเปื้อนกระทบต่อผู้บริโภค

สำหรับผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงหมู หมูเถื่อนทำให้มีหมูราคาถูกจำนวนมากทะลักเข้าไทย บิดเบือนกลไกราคา ทำให้ผู้เลี้ยงหมูไทยไม่สามารถขายหมูได้ตามต้นทุนการเลี้ยงที่แท้จริง ได้รับความเสียหายและไม่มีโอกาสในการทำกำไรจากการเลี้ยงได้ ทำให้ไม่มีหลักประกันความมั่นคงในอาชีพ นอกจากนี้หมูเถื่อนมีความเสี่ยงที่จะนำเข้ามาจากประเทศที่มีการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) และเป็นพาหะของโรค ซึ่งควบคุมได้ยากมากและมีโอกาสกลับมาระบาดและสร้างปัญหาให้กับประเทศไทยได้

นอกจากหมูเถื่อน จะถูกลักลอบนำเข้ามาในลักษณะแช่แข็งแล้ว ยังเข้ามาในรูปแบบของ หมูมีชีวิต ซึ่งเป็นพาหะของโรคที่สำคัญมาก หากประเทศต้นทางยังมีการแพร่ระบาดของโรค ASF จะส่งกระทบทั้งห่วงโซ่อุปทาน ทั้งผู้เลี้ยงหมู โรงงานอาหารสัตว์ ผู้บริโภค และยังกระทบกับอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อาหาร ท่องเที่ยว เพราะการระบาดของโรค ASF มีโอกาสทำให้หมูตาย 95-100% แม้โรคนี้ไม่ติดคนและเนื้อสุกรยังมีความปลอดภัย แต่เมื่อคนกินเข้าไปจะเป็นพาหะติดตามเนื้อตัว หรือทางอุจจาระ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า