นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร ครั้งที่ 2/2565 ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีนายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)หัวหน้าส่วนราชการกระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้า “สินค้าเกษตร”ตามมาตรฐานบังคับ (ฉบับที่ ..)พ.ศ. …. และร่างประกาศคณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังความคิดเห็นก่อนออกกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานบังคับ พร้อมกับพิจารณายกร่างมาตรฐานสินค้าเกษตร 4 เรื่อง
ดังนี้ 1) เส้นไหมดิบ : เส้นไหมไทยสาวมือ 2)การปฏิบัติที่ดีสำหรับการผลิตเส้นไหมดิบ : เส้นไหมไทยสาวมือ 3) การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับ”ฟาร์มผึ้งชันโรง” 4)การปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีสำหรับ “ฟาร์มปลากัด” รวมทั้งเห็นชอบการจัดทำมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง ระบบการจัดการด้านคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหารสำหรับตลาดกลางสินค้าเกษตร และการแต่งตั้งคณะกรรมการวิชาการพิจารณามาตรฐานสินค้าเกษตร การปรับปรุงคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองมาตรฐานสินค้าเกษตร
รมช.ประภัตร เปิดเผยว่า ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงเดิม เพื่อปรับปรุงข้อมูล เอกสาร หรือหลักฐานการยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับของบุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทย และนิติบุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทยและกำหนดขนาดหรือลักษณะของกิจการฟาร์มไก่ไข่ และปางช้างให้ได้รับยกเว้นใบอนุญาตเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ เพื่อลดภาระของผู้ผลิตรายย่อยในการเสียค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และค่าบริการตรวจสอบและรับรอง ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการบังคับใช้กฎหมาย
ส่วน “ร่างมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่องเส้นไหมดิบ” : เส้นไหมไทยสาวมือ และการปฏิบัติที่ดีสำหรับการผลิตเส้นไหมดิบ: เส้นไหมไทยสาวมือ เป็นการทบทวนปรับปรุงข้อกำหนดให้เหมาะสม ทันสมัยสอดคล้องกับการปฏิบัติในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
มาตรฐานสินค้าเกษตรนี้ ครอบคลุมข้อกำหนดของการปฏิบัติที่ดีสำหรับการผลิต “เส้นไหมดิบ” ที่เป็นเส้นไหมไทยสาวมือชนิดไหมหนึ่ง ไหมสอง และไหมสาม จากรังไหมพันธุ์ไทยสีเหลืองของหนอนผีเสื้อ (Bombyx mori Linn.) ที่กินใบหม่อน โดยใช้อุปกรณ์สาวไหมแบบพื้นบ้านอุปกรณ์สาวไหมแบบปรับปรุง หรือเครื่องสาวไหมขนาดเล็ก เพื่อให้ได้เส้นไหมดิบที่มีคุณภาพ
สำหรับมาตรฐานด้านปศุสัตว์ การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับ “ฟาร์มผึ้งชันโรง” กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มผึ้ง (มกษ.8200) แล้ว แต่เนื่องด้วยวิธีการจัดการการเลี้ยง การแยกขยายรัง รวมถึงการเก็บเกี่ยวผลิตผลของผึ้งชันโรงที่แตกต่างไปจากการเลี้ยงผึ้งพันธุ์ เกษตรกรผู้เลี้ยงผึ้งชันโรงจึงไม่สามารถใช้มาตรฐานฯ ดังกล่าวเป็นแนวทางการปฏิบัติได้
ดังนั้น เพื่อเป็นการยกระดับ “การเลี้ยงผึ้งชันโรง”ให้มีมาตรฐาน คณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตร จึงเห็นควรให้จัดทำมาตรฐานสินค้าเกษตร เรื่อง การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มผึ้งชันโรง เพื่อส่งเสริมให้มีการเลี้ยงผึ้งชันโรงที่มีมาตรฐาน ได้ผลิตผลที่มีคุณภาพ ปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค
โดยมาตรฐานนี้จะครอบคลุมข้อกำหนด องค์ประกอบฟาร์ม การจัดการในการเลี้ยงผึ้งชันโรง โดยคำนึงถึงการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางธรรมชาติ การจัดการผลิตผลและผลิตภัณฑ์ การทำความสะอาดและบำรุงรักษาสุขภาพสัตว์ สวัสดิภาพสัตว์ บุคลากรการจัดการสิ่งแวดล้อมและการบันทึกข้อมูลเพื่อให้ได้ผลิตผลและผลิตภัณฑ์จากผึ้งชันโรงถูกสุขลักษณะและปลอดภัยต่อผู้บริโภค
มาตรฐานด้านประมง การปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีสำหรับ”ฟาร์มปลากัด” ปลากัดไทยเป็นสัตว์เศรษฐกิจสำคัญของไทยที่มีแนวโน้มการขยายตัวทางด้านการตลาดทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยไทยมีศักยภาพในการผลิตปลากัดที่มีคุณภาพมาตรฐานตามความต้องการของตลาด ซึ่งปี 2557-2561 มีปริมาณการส่งออกประมาณ 24 ล้านตัวต่อปี คิดเป็นมูลค่า 145 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ไทยมีการส่งออกปลากัดไปกว่า 100 ประเทศ โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จีน สิงคโปร์
คณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตรจึงมีมติจัดทำร่างมาตรฐานสินค้าเกษตรเกี่ยวกับปลากัดไทย ครอบคลุมข้อกำหนดการปฏิบัติที่ดีสำหรับฟาร์มปลากัด (Plakad หรือ Betta) ในวงศ์ Osphronemidae สกุล Betta เช่น Betta splendens ที่มีชื่อสามัญว่า Siamese fighting fish ที่เพาะเลี้ยงเพื่อการค้าสำหรับนันทนาการ ตั้งแต่การเพาะเลี้ยง การจับและการดูแลหลังการจับจนถึงการบรรจุเพื่อจำหน่ายหรือเคลื่อนย้าย เพื่อให้ได้ “ปลากัด”ที่มีสุขภาพดี และมีลักษณะตรงตามความต้องการของตลาดโดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม