“ภูมิธรรม”สั่งลุยขายข้าวฟิลิปปินส์ ชิงส่วนแบ่งตลาดให้ได้มากที่สุด หลังต้องการสูง 4.1 ล้านตัน

428611149 854937943310146 1863997692502219327 n
นายภูมิธรรม เวชยชัย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก สำรวจโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทย ล่าสุดได้รับรายงานจากทูตพาณิชย์ฟิลิปปินส์ ถึงโอกาสในการส่งออกข้าวไทยไปขาย หลังจากที่ฟิลิปปินส์มีความต้องการนำเข้าข้าวในปี 2567 เพิ่มขึ้น จากการที่ผลผลิตในประเทศลดลง ทำให้ผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการ

ข้าวหอมมะลิไทย 1



ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้รายงานยืนยันว่า หน่วยงาน Foreign Agricultural Service ในฟิลิปปินส์ ภายใต้กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา (USDA) ระบุว่าในปี 2567 ฟิลิปปินส์จะนําเข้าข้าวเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เพราะผลผลิตในประเทศขาดแคลน โดยจะยังคงเป็นประเทศผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ที่สุดในตลาดโลก คาดว่าฟิลิปปินส์จะนําเข้าข้าวปริมาณ 4.1 ล้านตันในปีนี้ เพิ่มขึ้น 200,000 ตัน หรือร้อยละ 5.1 จากการประมาณการครั้งก่อนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งอยู่ที่ 3.9 ล้านตัน เนื่องจากมีผลผลิตข้าวเปลือกในท้องถิ่นน้อยลง และหากเป็นไปตามการคาดการณ์ดังกล่าว จะทําให้ฟิลิปปินส์มีการนําเข้าข้าวเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 14 จากในปี 2566 ที่มีปริมาณ 3.6 ล้านตัน และจะเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ตามด้วยอินโดนีเซีย จีน และสหภาพยุโรป

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ยังได้ปรับลดประมาณการการผลิตข้าวของฟิลิปปินส์ในปีนี้ลงเหลือ 12.3 ล้านตัน จากประมาณการครั้งก่อนที่ปริมาณ 12.5 ล้านตัน ซึ่งตรงกันข้ามกับแนวโน้มของสถานการณ์ผลผลิตข้าวทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 515.4 ล้านตัน เนื่องจากคาดว่าจะมีการเพาะปลูกขนาดใหญ่จากประเทศอินเดีย
         

ขณะเดียวกัน ได้รับรายงานอีกว่า ฟิลิปปินส์เป็นตลาดที่มีบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก มีการบริโภคเฉลี่ยมากถึงปีละประมาณ 16 ล้านตัน แต่ผลผลิตในประเทศมีประมาณ 12 ล้านตัน ทำให้ต้องนำเข้ากว่า 3 ล้านตัน และยังเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความมั่นคงด้านอาหาร อีกทั้งฟิลิปปินส์ยังเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด พายุไต้ฝุ่น การขาดแคลนเทคโนโลยี ขาดแคลนแรงงานภาคเกษตร และล่าสุดได้รับผลกระทบจากเอลนีโญ ทำให้ผลผลิตข้าวลดลง รัฐบาลฟิลิปปินส์จึงต้องหามาตรการต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีข้าวเพียงพอบริโภค และประเมินว่าต้องนำเข้ามากถึง 4.1 ล้านตัน
         

“ปัจจุบันฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในตลาดข้าวสำคัญของไทย โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา มีการนำเข้าจากไทย 3.42 แสนตัน สัดส่วน 9.46% นำเข้าจากเวียดนามอันดับ 1 ปริมาณ 2.97 ล้านตัน สัดส่วน 82.23% และนำเข้าจากเมียนมา 1.56 แสนตัน สัดส่วน 4.33% โดยได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศ และทูตพาณิชย์ในฟิลิปปินส์ เดินหน้าขายข้าวไทยให้กับฟิลิปปินส์ เนื่องจากราคาข้าวไทยอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ แต่คุณภาพดีกว่า และได้มอบหมายให้เร่งพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มีความหลากหลาย โดยเฉพาะข้าวพื้นนุ่มที่ฟิลิปปินส์ต้องการ ซึ่งจะทำให้ข้าวไทยได้ส่วนแบ่งตลาดกลับคืนมาได้”นายภูมิธรรมกล่าว