ชู ‘ทุเรียนป่าละอู’ ของดีเมืองประจวบฯ เตรียมหนุนส่งออก

รมว.เกษตรฯ เปิดงาน “มหกรรมผลไม้และของดีป่าละอู” ชู ‘ทุเรียนป่าละอู’ ของดีประจวบฯ หนุนเกษตรกรปลูกสร้างรายได้ เน้นย้ำรักษาคุณภาพ เพื่อการส่งออกทั่วโลก

วันนี้ (9 ก.ค.) ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “มหกรรมผลไม้และของดีป่าละอู” ประจำปี 2565 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 17 กรกฎาคม 2565 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ว่า โครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะทุเรียนป่าละอู ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน ซึ่งเป็นทุเรียนพันธุ์หมอนทอง และพันธุ์ชะนี ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากผู้บริโภค มีเนื้อแห้งเนียนละเอียด กลิ่นอ่อน รสชาติหวาน มัน เมล็ดลีบเล็ก ทำให้เนื้อทุเรียนหนา และที่สำคัญยังได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) มาตั้งแต่ ปี 2554 มีผลผลิตในช่วงเดือน พฤษภาคม – สิงหาคม 

F729F527 4209 404D 80CA 2945384A6171

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการส่งเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการผลิตทุเรียนพื้นที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในลักษณะของกลุ่มแปลงใหญ่ วิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเกษตรกร ในส่วนของการยกระดับมาตรฐานสินค้าทุเรียน มีการส่งเสริมควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทุเรียน ปัจจุบันมีเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน ได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) จำนวน 390 รายรวมพื้นที่ 2,502.40 ไร่ นอกจากนี้ยังได้รับมาตรฐานอินทรีย์ และได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI โดยเป็นทุเรียนป่าละอู จำนวน 83 ราย สำหรับทุเรียนในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีพื้นที่ปลูก ณ เดือนพฤษภาคม 2565 จำนวน 14,782.25 ไร่ ให้ผลแล้ว 8,109 ไร่ คิดเป็น 54.85 % ของพื้นที่ปลูกทั้งหมด ปริมาณผลผลิต 7,118.44 ตัน ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์หมอนทอง และพันธุ์อื่นๆ เช่น พันธุ์ชะนี ก้านยาว พวงมณี

79EB9BE3 A41B 4913 93D3 BFAA25199473

“พื้นที่การปลูกทุเรียน ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์มีจำนวนมาก แต่ปริมาณผลผลิตยังไม่เพียงพอต่อการบริโภคของคนไทย จึงทำให้ออกสู่ผู้บริโภคได้น้อย ดังนั้นจึงต้องส่งเสริมการปลูกให้มากขึ้น เพื่อให้คนได้รู้จักทุเรียนป่าละอู พร้อมทั้งยึดหลักตลาดนำการผลิต สร้างรายได้ให้เกษตรกร อีกทั้ง ขอฝากพี่น้องผู้ปลูกทุเรียนทั่วประเทศ สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาสินค้าให้มีคุณภาพ เพื่อให้สามารถส่งออกสินค้า

ทางการเกษตรได้ทั่วโลก เป้าหมายเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลก และขอความร่วมมือไม่ตัดหรือรับซื้อทุเรียนด้อยคุณภาพ (ทุเรียนอ่อน) หากพบจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด“ รมว.เกษตรฯ กล่าว 

93C74239 D936 4DEC 8854 EBC84656A112

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้รณรงค์ให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าที่มีเครื่องหมาย “Q” ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกรับรองให้กับสินค้าที่ผลิตตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี เพื่อให้ผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรนำไปใช้แสดงกับสินค้าเกษตรที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองว่าเป็นไปตามมาตรฐาน มีความปลอดภัย และมีคุณภาพเทียบเท่า มาตรฐานสากล โดยในปี 2565 กระทรวงเกษตรฯ โดยสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ได้พัฒนาระบบการตามสอบสินค้าเกษตรบนระบบคลาวด์สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (QR Trace on Cloud) และเข้าไปส่งเสริมการใช้ระบบดังกล่าวให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนป่าละอู จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีการผลิตสินค้าทุเรียนที่ได้การรับรองมาตรฐานการ GAP และได้รับเครื่องหมาย GI

25FD0643 8A42 423B A270 D39C3730B930

โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบพันธุ์กล้าไม้ทุเรียนให้กับตัวแทนผู้ใหญ่บ้าน  มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ (ส.ป.ก. 4-01) ให้แก่เกษตรกร มอบใบประกาศนียบัตร QR Traces ให้กับเกษตรกรต้นแบบจำนวน 15 ราย พร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการ และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรภายในงาน