วันที่ 11 ก.ค.นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์เฟซบุ๊กว่า
ผมเป็นคนรุ่นเก่า ยังจำได้เมื่อ 48 ปีที่แล้ว ค.ศ.1974 สมัยที่ผมทำงานเป็นแพทย์ประจำบ้านในโรงพยาบาลในนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังเลิกงานพยาบาลอเมริกันชวนสูบ “กัญชา” เธอรู้ว่าผมเป็นคนไทย ถามผมว่ารู้จัก Thai Stick ไทยสติ๊ก “กัญชาเสียบไม้” หรือไม่
เพราะขณะนั้น “Thai Stick” โด่งดังมาก ๆ คนอเมริกันรู้จักดี ดังในแง่ที่สูบแล้วเคลิบเคลิ้ม สนุกสนาน เพราะมีสารเมา THC สูง เวลาสูบให้ดึงไม้ออก จุดไฟตรงปลาย สูบเหมือนสูบซิการ์ ผมตอบพยาบาลคนนั้นว่า ผมไม่รู้จัก Thai Stick และปฏิเสธการสูบกัญชา
ช่วงสงครามเวียดนาม ค.ศ.1961-1975 ทหารอเมริกันหลายล้านคนมาประจำการในประเทศเวียดนาม บางคนเคยมาประเทศไทย ได้ลองสูบกัญชาไทย ติดใจ นำ Thai Stick กลับไปสูบต่อที่สหรัฐอเมริกา
“กัญชาไทย” ที่ลักลอบนำเข้าสหรัฐอเมริกาจากประเทศไทยในช่วงนั้น ปลูกในภาคอีสานซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีอากาศร้อน มีสาร THC มากกว่า CBD ราคาที่ประเทศไทยแค่ 3 ดอลลาร์ (60 บาทสมัยนั้น) ต่อกิโลกรัม ขายที่สหรัฐอเมริกา 4,000 ดอลลาร์ (80,000 บาท) ต่อกิโลกรัม มีการนำ “กัญชา” จากไทยเข้าสหรัฐหลายพันตันช่วง ค.ศ.1968-1972
จุดขายของกัญชาไทย มีสารเมา THC สูง ใช้เพื่อสันทนาการ
แต่หลังจากปี ค.ศ.1975 สหรัฐอเมริกาถอนทหารทั้งหมดออกจากเวียดนาม ไม่มีการนำ “กัญชาไทย”เข้าสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป คนอเมริกันและคนไทยรุ่นใหม่ปัจจุบันไม่มีใครรู้จัก Thai Stick อีกแล้ว
ปัจจุบันสหรัฐอเมริกามี 37 รัฐที่เปิดทางให้ชาวอเมริกันสามารถใช้ “กัญชา” ได้ตามใบสั่งยาจากแพทย์ ในจำนวนนี้ 19 รัฐ รวมทั้งนิวยอร์ก มีกฎหมายเปิดทางให้ชาวอเมริกัน อายุ 21 ปีขึ้นไปใช้เพื่อสันทนาการได้
เราต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ Thai Stick เกิดจากภูมิปัญญาของชาวบ้านในอดีต “กัญชาไทย “เคยเป็นที่ชื่นชอบของคนอเมริกันในอดีต มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านสันทนาการ ถ้าไทยสามารถรื้อฟื้นผลิต Thai Stick ประชาสัมพันธ์ หาตลาด ส่งออกผลิตภัณฑ์นี้อย่างถูกกฎหมายไปประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศที่เปิดเสรีให้ใช้เพื่อสันทนาการ กัญชา จะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจ นำรายได้เข้าประเทศ
ผมไม่ได้พูดถึงกัญชงซึ่งเป็นพืชคนละชนิด มีสาร CBD มากกว่า THC มีประโยชน์นำไปใช้ในด้านการแพทย์