อนุทิน พบ เครือข่ายประชาชน หนุน “กัญชาทางการแพทย์” ผู้แทนชาวบ้าน พูดชัด ไม่ยอมให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด

11 กรกฎาคม 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศขณะที่เครือข่ายประชาชนใช้ “กัญชาทางการแพทย์” เข้าพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสนับสนุน การเดินหน้านโยบาย “กัญชาเสรีทางการแพทย์” ว่าเป็นไปอย่างชื่นมื่น โดยเครือข่ายดังกล่าวประกอบไปด้วยประชาชน ที่ใช้กัญชา ในฐานะของยาสมุนไพร ไปจนถึงผู้ประกอบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซึ่งมี “กัญชา” เป็นส่วนผสม

นายอนุทิน ระบุว่า ขอบคุณที่มาให้กำลังใจ แต่ขอให้พวกท่านช่วยทำความเข้าใจด้วยว่า นโยบายของเราเป็นไปเพื่อการแพทย์เพื่อสุขภาพ เราไม่มีเจตนารมย์ที่ไม่ดีในนี้ หลายท่านก็ผลิตสินค้า ที่ผลิตจาก พืชกัญชง กัญชา เป็นสินค้าที่เป็นประโยชน์ สร้างรายได้ให้ตัวท่าน ให้เกษตรกรมีงานทำ มีรายได้ มีการเสียภาษี นี่คือประโยชน์กับบ้านเมือง เพราะท่าน ใช้อย่างเข้าใจ ทำให้เราลดการพึ่งพาเวชภัณฑ์ต่างชาติ มาพึ่งพาตัวเอง ต้องฝากให้พวกท่านช่วยกันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับสังคม และช่วยป้องกัน อย่าให้มีการนำ พืชกัญชง กัญชา ไปใช้ในทางที่ผิด

capture 20220711 182303
พบเครือข่ายประชาชน หนุน”กัญชาทางการแพทย์”

การมาถึงจุดนี้ได้เราทุ่มเทกันมาก ตนไม่ได้ปลดคนเดียว แต่มีคณะกรรมการป้องกันยาเสพติด มาช่วยพิจารณา กระทั่งคณะกรรมการมีมติให้ปลดล็อก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขถึงได้ลงนาม ตอนนี้เริ่มมีการบอกให้ “กัญชา” กลับไปเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 เพราะพูดกันแต่เรื่องด้านลบ โดยหลังจากนายอนุทิน พูดจบประโยค ภาคประชาชนพูดสวนทันทีว่า “ไม่ยอม เราไม่ยอม” จากนั้น นายอนุทิน จึงพูดว่า ถ้าพวกท่านไม่ยอม เราก็ต้องช่วยกันสื่อสาร ว่าจริงๆ แล้วจะต้องใช้กันอย่างไร เรื่องนี้ ต้องช่วยกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีผลบังคับใช้เมื่อ 9 มิถุนายนที่ผ่านมาและเนื่องจาก พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ยังไม่ผ่านการพิจารณาของสภา และกระทรวงสาธารณสุขออกมาตรการ 2 มาตรการ คือ

(1) การออกคำแนะนำของคณะกรรมการสาธารณสุข เรื่อง แนวทางควบคุมเหตุรำคาญจากการกระทำให้เกิดกลิ่นหรือควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด มาตรการนี้กระทำได้แค่เพียงระงับการสูบนั้น ๆ ไม่ให้ส่งกลิ่นหรือควันรำคาญผู้อื่นเท่านั้น แต่จะไม่สามารถห้ามไม่ให้เด็กและเยาวชนสูบกัญชาได้เลย

(2) การประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปลูกกัญชาในครัวเรือนมา“จดแจ้ง” ผ่านแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ”

แต่นโยบายนี้ทำได้เพียงการ “ขอความร่วมมือ” เพราะจะ “บังคับให้จดแจ้ง” ได้ต่อเมื่อพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. … ผ่านการตราเป็นกฎหมายแล้วเท่านั้น

ดังนั้นขณะนี้หากผู้กรอกข้อมูลให้ข้อมูลเท็จ หรือให้ข้อมูลแล้วไม่ปฏิบัติตามนั้น เช่น จดแจ้งว่าปลูกเพื่อใช้รักษาโรคตนเอง แต่จริง ๆ นำช่อดอกไปสูบเพื่อความบันเทิง หรือนำไปใส่อาหารขายก็ไม่สามารถเอาผิดได้

จึงเรียกได้ว่าเกิด “ภาวะสุญญากาศ” คือ ไม่มีมาตรการควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดที่เพียงพอใด ๆ และต่อไปไทยอาจเป็น ประเทศที่กัญชาเสรีที่สุดในโลก ก็เป็นได้