เขตสุขภาพที่ 1 ขับเคลื่อน”นโยบายกัญชาทางการแพทย์” เน้นใช้กัญชารักษาผู้ป่วย

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์เขตสุขภาพที่ 1 ขับเคลื่อน “นโยบายกัญชาทางการแพทย์” ครอบคลุมหลายมิติ ย้ำส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในทางที่ถูกต้อง ช่วยกันสอดส่องดูแลการนำไปใช้ในทางที่ผิด

วันที่ 20 สิงหาคม 2565 ที่ห้องประชุมอาคารคชสาร (สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย) องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ เขตสุขภาพที่ 1 พร้อมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “นโยบายการดำเนินงานกัญชาทางการแพทย์” โดยมีนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค หน่วยงานภาครัฐ เอกชน อสม.และประชาชนเข้าร่วมงานกว่า 1,000 คน

764039
ขับเคลื่อน “นโยบายกัญชาทางการแพทย์”

นายอนุทิน กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลปลดกัญชาและกัญชงออกจากบัญชียาเสพติด เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้เดินหน้าขับเคลื่อนการนำกัญชาไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องในทุกเขตสุขภาพ รวมถึงส่งเสริมให้นำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ สามารถพลิกโฉมให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ สร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เป็นมูลค่าสูงกว่า 7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นความตั้งใจของกระทรวงสาธารณสุขที่จะนำพืชกัญชามาใช้ทางการแพทย์อย่างปลอดภัย และสร้างรายได้ให้กับชุมชนและประเทศชาติ ไม่สนับสนุนการใช้เพื่อสันทนาการ และขอให้ประชาชน ผู้ประกอบการ และบุคลากรทางการแพทย์ช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด

โดยเขตสุขภาพที่ 1 ซึ่งประกอบด้วย เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ น่าน พะเยา ลำปาง ลำพูน และแม่ฮ่องสอน มีการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาทางการแพทย์ในหลากหลายมิติ อาทิ รพ.นครพิงค์ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เปิดบริการคลินิกกัญชาทั้งออนไซต์และออนไลน์ ตรวจวินิจฉัยและรักษาด้วยตำรับยากัญชา ทั้งแผนปัจจุบันและแผนไทย, รพ.ปาย ใช้ยาศุขไสยาศน์ร่วมกับการใช้ยาแผนปัจจุบันในผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่มีอาการนอนไม่หลับ, รพ.แพร่ สร้างระบบแจ้งเตือนการเกิดอันตรกิริยาระหว่างยาและยากัญชาทางการแพทย์ และมีการอำนวยความสะดวกในการขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับกัญชา กัญชง

โดยปัจจุบันมีประชาชนได้รับใบอนุญาตปลูกกัญชา 11 ราย พื้นที่ 1,137 ตรม. และกัญชง 147 ราย พื้นที่ 2,480 ไร่ รวมถึงร่วมมือกับสถาบันการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ศึกษาวิจัยเทคโนโลยีการสกัดน้ำมันกัญชา กัญชง เพื่อให้ได้สาร CBD ที่เหมาะสม เตรียมพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น สบู่ แชมพู บาล์ม และน้ำมันหอมระเหย ช่วยในกลุ่มผู้สูงอายุที่นอนไม่หลับและรับประทานยายาก เป็นต้น

สำหรับกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การประชุมวิชาการด้านการแพทย์ การเสวนาวิชาการและการบรรยายเกี่ยวกับกัญชา กัญชง โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐและภาคเอกชน การจัดแสดงนิทรรศการของหน่วยงานภาครัฐส่วนกลางและภูมิภาค การให้บริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์แผนไทย และการตรวจรักษาโรคต่าง ๆ