กรมข้าวชู”กลุ่มอินทรีย์บุฤาษี”เป็นต้นแบบ จ.สุรินทร์ 

กรมข้าวชู”กลุ่มอินทรีย์บุฤาษี”เป็นกลุ่มอินทรีย์ต้นแบบ จ.สุรินทร์ วางแผนพัฒนาเกษตรกรสู่การเป็นชุมชนต้นแบบการปลูกข้าวอินทรีย์ในอนาคต

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า จังหวัดสุรินทร์ มีการส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรแบบอินทรีย์ ตั้งแต่ปี 2542 โดยสนับสนุนให้มีการรวมกลุ่มกัน และมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปถ่ายทอดความรู้ให้กับกลุ่มเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและรับรองระบบการผลิตข้าวอินทรีย์ จนได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค 

ซึ่งจังหวัดสุรินทร์ เป็นจังหวัดนำร่องด้านเกษตรอินทรีย์แห่งแรกของประเทศไทยถือเป็นการกระตุ้นให้เกษตรกรหันมาทำเกษตรอินทรีย์กันมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 2560 – 2564 กระทรวงเกษตรฯ 

โดยกรมการข้าว ได้มีโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ อินทรีย์ 1 ล้านไร่ เข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์ จนถึงปัจจุบันนี้มีเกษตรกรสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 580 กลุ่ม 11,049 ราย พื้นที่ 116,035 ไร่ ภายใต้มาตรฐานการผลิต Organic Thailand

26DFADA8 5911 4701 AED2 D673A88F048C

ด้านนายตู้ สุขนึก ประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลบุฤาษี เปิดเผยว่า วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลบุฤาษีเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ กับทางศูนย์วิจัยข้าวสุรินทร์  เนื่องจากตนมีความสนใจเรื่องการทำเกษตรอินทรีย์เป็นทุนเดิม ลองผิด ลองถูก ลงมือทำเองตั้งแต่ต้น ต่อมามีหลายๆหน่วยงานเข้ามาส่งเสริมเรื่องการปลูกข้าวอินทรีย์ ทำให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์มากขึ้น ตั้งแต่กระบวนการปลูก การจัดการแปลง การเก็บเกี่ยว และการบริหารจัดการหลังการเก็บเกี่ยว จนเกิดผลสำเร็จหลายๆด้าน และสามารถรวมกลุ่มกันขึ้นมาได้ โดยหลังจากรวมตัวกันภายใต้รูปแบบวิสาหกิจชุมชนแล้ว กลุ่มได้มีโรงสี โรงบรรจุที่ได้มาตรฐานและได้รับการรับรอง อย. GMP HACCP นอกจากนี้กลุ่มยังได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าข้าว Q, Organic Thailand ข้าวพันธุ์แท้จากกรมการข้าว และข้าวสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือข้าว GI (Geographical Indication : ข้าวหอมมะลิสุรินทร์) จากกรมทรัพย์ทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์  ต่อมาชาวบ้านในพื้นที่เห็นความสำเร็จจึงมาสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกมากขึ้น ปัจจุบันวิสาหกิจชุมชนฯ แห่งนี้จึงกลายเป็นชุมชนต้นแบบการปลูกข้าวอินทรีย์และด้านเกษตรประเภทอื่น ๆ เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรชาวนาได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ และนำไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนต่อไป

B1F256D5 0DAE 4A12 BEFE 88A8066E4A07

นายตู้​ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกลุ่มมีตลาดทั้งในและต่างประเทศ สามารถส่งออกข้าวอินทรีย์ของจังหวัดสุรินทร์ไปต่างประเทศทั้งกลุ่มอาเซียน และยุโรป ปัจจัยที่ทำให้กลุ่มประสบความสำเร็จ มีความเข้มแข็งและอยู่ได้อย่างมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้ คือ กลุ่มมีกฎระเบียบข้อบังคับที่ถือเป็นกฎเหล็กในการรับสมาชิกเข้าร่วมอย่างเข้มงวด  คือ ผู้ที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่มต้องผ่านการปลูกข้าวอินทรีย์มาอย่างน้อย5 ปีก่อน ถึงจะเป็นสมาชิกได้ และต้องคัดเลือกผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ มีใจรัก และเข้าใจในกระบวนการผลิตข้าวอินทรีย์เท่านั้น 

ซึ่งสมาชิกเริ่มแรกจะมีสถานะเป็นเพียงสมาชิกชั่วคราวก่อนเป็นระยะเวลา 5 ปี หากผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการกลุ่มแล้ว ถึงจะเลื่อนเป็นสมาชิกถาวร ที่สามารถถือหุ้นได้ เนื่องจากการทำนาอินทรีย์ต้องทุ่มเททั้งแรงกายและใจเป็นอย่างมาก ทางกลุ่มจึงต้องมีกฎเคร่งครัด เพื่อคัดคนที่มีใจรักจริงๆ มาเข้ารวมกลุ่ม นอกจากนี้กลุ่มยังมีการจัดอบรมทุกปี ปีละ 2 ครั้ง ทั้งสมาชิกรายใหม่และสมาชิกรายเก่า มีการแบ่งหน้าที่กันทำงานอย่างชัดเจน ที่สำคัญมีกระบวนการตรวจสอบคุณภาพทั้งระบบ ทั้งจากสมาชิกกลุ่มกันเอง และจากเจ้าหน้าที่ของกรมการข้าว หรือบริษัทภายนอกอีกทั้งยังมีการส่งตัวอย่างข้าวไปตรวจสอบสารตกค้าง การปนเปื้อนเชื้อรา ณ ห้องปฏิบัติการกลาง หรือเซ็นทรัลแล็บ เพื่อยืนยันความเป็นข้าวอินทรีย์ 100 % ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่าเป็นข้าวอินทรีย์มีความปลอดภัยจริงๆ 

450A6185 3BAF 46B6 A133 2659688BF64A

นายสมลักษณ์ มอญขาม ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวสุรินทร์  เปิดเผยว่า  จากความเข้มแข็งนี้กรมการข้าว ศูนย์วิจัยข้าวสุรินทร์ จึงได้เลือกวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ ตำบลบุฤาษี อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์  เป็นชุมชนต้นแบบข้าวการผลิตอินทรีย์ ซึ่งกลุ่มนี้มีความพร้อมทั้งตัวประธานกลุ่มเอง สมาชิกตลอดจนความพร้อมของเครื่องมือในการทำการเกษตร ทำให้สามารถกระจายองค์ความรู้เรื่องการผลิตข้าวอินทรีย์ให้แก่เกษตรกรทั่วไปในชุมชนให้มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถนำไปต่อยอดใช้ในพื้นที่นาของตนเองได้ 

โดยทางกลุ่มจะมีศูนย์วิจัยข้าวสุรินทร์คอยเป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำตั้งแต่กระบวนการวางแผน การปลูก การเก็บเกี่ยว และบริหารจัดการหลังการเก็บเกี่ยว ตลอดจนถึงเรื่องการตลาด โดยจัดอบรมทั้งในภาคทฤษฎีและเชิงปฏิบัติการ ลงพื้นที่ให้คำแนะนำแก่พี่น้องเกษตรกรอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญของการผลิตข้าวอินทรีย์อย่างแท้จริงและยั่งยืนต่อไป 

หากท่านใดสนใจอยากซื้อสินค้าหรืออยากเยี่ยมชมกิจการข้าวอินทรีย์ ของวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ สามารถติดต่อได้ที่ คุณตู้ สุขนึก โทรศัพท์ 0813128338