พาณิชย์ จับมือ ศอ.บต. สำรวจดัชนี “ความเชื่อมั่นจังหวัดชายแดนใต้” เผยไตรมาส 1 ปี 65 ความเชื่อมั่นอยู่ที่ 52.32 ลดจากไตรมาส 4 ปี 64 ที่ 53.49 เหตุคนกังวลปัญหาค่าครองชีพ ,การแพร่ระบาดของโควิด-19, “ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ” เผยด้านการทำอาชีพต้องการให้สอนทำอาหาร เบเกอรี่ ตัดเย็บเสื้อผ้า เตรียมนำผลเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือต่อไป
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และ สนค. ได้ร่วมกันจัดทำ“ดัชนีความเชื่อมั่นจังหวัดชายแดนใต้” เป็นรายไตรมาส เพื่อให้มีเครื่องชี้วัดความเชื่อมั่นและใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยได้ทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชน จำนวน 32,739 คน ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
พบว่า ไตรมาส 1 ปี 2565 ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมอยู่ที่ 52.32 ลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2564 ที่อยู่ที่ 53.49 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจุบัน อยู่ที่ 47.58 ลดจาก 49.82 และดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต อยู่ที่ 56.94 ลดจาก 57.46
ปัจจัยที่ทำให้ความเชื่อมั่นลดลง มาจากความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจและด้านสังคมที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากความกังวลของประชาชนที่มีต่อปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นเป็นหลัก ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ แต่ความเชื่อมั่นด้านความมั่นคงเพิ่มขึ้น
ส่วนผลการสำรวจปัญหาที่ประชาชนมีความกังวลมากที่สุด ยังคงเป็นปัญหาเรื่องค่าครองชีพหรือสินค้าและบริการมีราคาสูง รองลงมา ได้แก่ ปัญหารายได้ตกต่ำ ซึ่งประชาชนมีความกังวลเพิ่มขึ้น และต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากภาครัฐด้านการลดภาระค่าครองชีพ และการมีงานทำและรายได้ รวมถึงการแก้ปัญหา “ราคาสินค้าเกษตร”
ทั้งนี้เมื่อแยกเป็นรายจังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่า จังหวัดสตูลมีความเชื่อมั่นโดยรวมสูงสุด อยู่ที่ระดับ 57.03 รองลงมา ได้แก่ จังหวัดสงขลา ระดับ 53.36 นราธิวาส ระดับ 51.37 ปัตตานี ระดับ 51.22 และยะลา ระดับ 50.94
ผลจากการสำรวจที่ได้ ทำให้เห็นว่า ประชาชนใน 5 จังหวัดภาคใต้มีความกังวลปัญหาอะไร และต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลืออะไร ซึ่ง สนค. จะได้นำผลการสำรวจเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือ
อย่างเรื่องการลดค่าครองชีพกระทรวงพาณิชย์ก็มีมาตรการเข้าไปดูแลอยู่แล้ว การสร้างงาน สร้างรายได้ การดูแล“ราคาสินค้าเกษตร” ก็ทำมาอย่างต่อเนื่อง แต่จะทำให้เข้มข้นและตรงจุดต่อไป”นายรณรงค์กล่าว
นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า การสำรวจในครั้งนี้ใน “ด้านการเกษตร” ประชาชนต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือในการส่งเสริมการผลิต ด้านเครื่องมือ ปุ๋ย พันธุ์พืช การตลาด เทคโนโลยี แรงงาน และแหล่งน้ำ ส่วนความสนใจการอาชีพ ต้องการให้ช่วยแนะนำ ให้ความรู้การทำอาหาร เบเกอรี่ ตัดเย็บเสื้อผ้า ช่างอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องดื่ม เสริมสวย นวดแผนไทย เป็นต้น
พลเรือตรีสมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า จะใช้ผลการสำรวจเป็นเข็มทิศนำทางที่จะเดินต่อไปข้างหน้า ปัญหาอะไรที่ดีขึ้น อย่างเรื่องความมั่นคง ก็จะขยายผลให้ดีขึ้นต่อไป หรือปัญหาที่ยังเป็นที่กังวล ก็จะต้องเร่งแก้ไข ที่เห็นได้ชัด เช่น ค่าครองชีพ ราคาสินค้าแพง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ก็ต้องเร่งแก้ไข และต้องมุ่งพัฒนาในภาคต่าง ๆ ให้ดีขึ้น ทั้งภาคการเกษตร การท่องเที่ยว อุตสาหกรรมครัวเรือน ที่จะต้องเข้าไปส่งเสริมและสนับสนุน
ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ก็มีการผลักดันในเรื่องเกษตร มีการพัฒนาเมืองผลไม้ ส่งเสริมพืชพลังงาน ประมง และปศุสัตว์ มีแผนผลักดันเรื่องการท่องเที่ยว อย่างเบตง ก็ทำสำเร็จ ตอนนี้การท่องเที่ยวดีขึ้น กำลังพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวในสุไหงโกลก และสุคิริน จังหวัดนราธิวาส
ส่วนการพัฒนาการค้า ได้เข้าไปช่วยส่งเสริมการค้า การค้าออนไลน์ มีโครงการที่ทำร่วมกับกระทรวงพาณิชย์แล้ว ก็คือ ปั้น Gen Z เป็น CEO ฮาลาล ตั้งเป้าไว้ 1,000 คน และกำลังเตรียมพร้อมเรื่องผลักดันแรงงานไทยไปซาอุดิอาระเบีย ซึ่งถ้าช่วยกันระดมทุกภาคส่วน มั่นใจว่า ภาวะการว่างงานจะลดลง และประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น พลเรือตรีสมเกียรติ กล่าว