จุรินทร์ ยัน “มติประชาธิปัตย์” หนุนกัญชาทางการแพทย์ ไม่เอากัญชาเสรี

วันที่ 6 ธ.ค. 2565 ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีในเช้าวันนี้ถึงจุดยืนของพรรคในเรื่องกัญชา ว่า พรรคชัดเจน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จุดยืนก็คือ ประชาธิปัตย์สนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ หรือจะพูดเลยไปทางเศรษฐกิจก็คือ เศรษฐกิจเพื่อการแพทย์ แต่ไม่สนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ และกัญชาเสรี อันนี้ก็ยังเป็นจุดยืนเดิมที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา อันนี้เป็นจุดยืนที่ประชาธิปัตย์ยึดถือตลอดมาแล้วได้พูดออกไปตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

S 84115476
ไม่เอากัญชาเสรี

ส่วนคำถามในเรื่องที่พรรคภูมิใจไทยมองว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นการเมือง และมีการตอบโต้กันไปมาในเรื่องที่มีเด็กสูบกัญชาเป็นการจัดฉากนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนไม่ได้ประสงค์จะไปโต้กันไปมา แล้วเคยพูดไปแล้วว่าไม่จำเป็นก็จะไม่ขอพูดเรื่องนี้อีก ทั้งหมดขอให้เป็นเรื่องในสภาที่จะได้พิจารณากัน และความจริงแล้วก็ไม่ได้คุยกับท่านอนุทินเรื่องนี้ คุยกันเรื่องอื่นส่วนเรื่องกัญชายังไม่ได้คุยกัน แต่ว่าก็เป็นหน้าที่ของผู้แทนราษฎรทุกคนที่มีสิทธิในการพิจารณาว่าจะมีความเห็นอย่างไรในสภาเมื่อถึงเวลาที่จะพิจารณา แล้วประชาธิปัตย์ก็ยึดถือนโยบายที่แถลงต่อสภาของรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ร่างกฎหมายที่อยู่ในสภาขณะนี้ พรรคประชาธิปัตย์มองว่าเป็นร่างของกัญชาเสรี หรือกัญชาเพื่อการแพทย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ขณะนี้มันยังสามารถที่จะเปิดโอกาสให้เสพได้ การเสพก็คือการเสพเพื่อสันทนาการ ไม่ใช่การเสพเพื่อการแพทย์ ไม่ใช่เสพตามใบสั่งแพทย์เพื่อการรักษา ถ้าอย่างนั้นอาจจะเรียกว่าการแพทย์ได้ แต่เสพนอกเหนือจากวัตถุประสงค์นี้ ก็เป็นการเสพเพื่อ ซึ่งคำตอบมันมีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอันนี้เราก็ไม่คิดว่ามันเป็นเพื่อการแพทย์

ส่วนที่ถามว่าฝั่งวิปรัฐบาลจะมีการปล่อยฟรีโหวตในร่างนี้หรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ต้องไปสอบถามวิปว่าเป็นอย่างไร แต่พรรคมีความเห็นชัดเจนและเป็นมติพรรคไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง คือ ให้เพาะปลูก ผลิต นําเข้า ส่งออก หรือขายกัญชา กัญชง หรือสารสกัดได้ แต่ต้องขอรับใบอนุญาตก่อน หากกระทำโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และผู้ใดนําเข้ากัญชา กัญชง หรือสารสกัด โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ทั้งนี้ หากเป็นการปลูกกัญชาหรือกัญชงในครัวเรือน (ไม่ใช่ในเชิงพาณิชย์) กฎหมายไม่ได้กำหนดให้ต้องขออนุญาต แต่ต้องไปจดแจ้งและปลูกได้ไม่เกินครัวเรือนละ 15 ต้น

นอกจากนี้ ในการพิจารณาในชั้น กมธ. ยังมีการปรับแก้ตัวกฎหมาย โดยเพิ่มมาตรการการคุ้มครองผู้ที่เสี่ยงได้รับผลกระทบจากกัญชาเข้ามา อาทิ ห้ามโฆษณาหรือทําการสื่อสารการตลาด หรือ ห้ามขายกัญชา กัญชง กับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร ผู้ฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

อีกทั้งยังมีการจำกัดรูปแบบและสถานที่ในการขาย เช่น ห้ามขายช่อดอก ยาง สารสกัดจากกัญชา กัญชงเพื่อการสูบ ด้วยเครื่องขายอัตโนมัติ, ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 60,000-100,000 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน-1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือ ห้ามขายกัญชาในวัดหรือสถานที่สําหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา, สถานศึกษา, หอพัก, สวนสาธารณะ สวนสัตว์และสวนสนุก มิเช่นนั้น ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และห้ามผู้ใดสูบกัญชา กัญชง หรือสารสกัดในสถานที่สาธารณะ มิเช่นนั้นต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 60,000 บาท และห้ามขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมากัญชา โดยเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งหยุดและทดสอบความมึนเมา หากกระทำผิดจริงต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

แม้โดยภาพรวมของกฎหมายจะเป็นไปในทางสร้างมาตรการป้องกันผลกระทบจากการเปิดให้ใช้กัญชาแต่จากข้อมูลของศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด(ศศก.)คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ระบุว่า เนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง มีลักษณะเป็นการส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนปลูกกัญชาตามนโยบายรัฐบาล และเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเสพหรือใช้กัญชาโดยเสรีเพื่อนันทนาการ (recreational use) มิใช่การใช้กัญชาทางการแพทย์ เพื่อการบำบัดรักษาผู้ป่วย และการให้ประชาชนปลูกกัญชา กัญชงในบ้านโดยไม่มีระบบการจดทะเบียนและได้รับอนุญาตจากบุคลากรทางการแพทย์ จะทำให้เกิดความเสี่ยงในการนำกัญชาไปใช้อย่างไม่เหมาะสม อาจส่งผลเสียต่อครอบครัว ชุมชน และสังคมในวงกว้าง