ตีตก “กัญชา-กัญชง”วาระ3 ไม่ถือเป็นยาเสพติด เสียงส่วนมากโหวตให้ตัดออก

วันที่ 21 ธันวาคม 65 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง พ.ศ. และเปิดลงมติในมาตรา 3 ที่ระบุว่า กัญชา ไม่ถือเป็นยาเสพติดตามกฎหมายยาเสพติด โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่ให้ตัดมาตรา 3 ทิ้งทั้งมาตรา ด้วยคะแนน 201 คะแนน ไม่เห็นชอบไม่มี และงดออกเสียง 31

ทั้งนี้ก่อนลงมติ ในการอภิปรายของ ส.ส. ส่วนใหญ่ท้วงติงการแก้ไขของ กมธ. เนื่องจากมองว่าการเขียนคำนิยามตามที่ กมธ.กำหนดนั้นเท่ากับการเปิดช่องให้เกิดการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการแบบเต็มรูปแบบ อีกทั้งการตัดการผลิตในส่วนของ การเพาะปลูกออก อาจจะมีผลกระทบต่อประชาชน รวมถึงการกำหนดนิยามการขายที่กำหนดให้รวมถึง จำหน่าย จ่าย แจก หรือแลกเปลี่ยนนั้น อาจทำให้ประชาชนต้องติดคุกได้

capture 20221221 165033
ที่ประชุมสภาผู้แทนฯตีตก “กัญชา-กัญชง”วาระ3 ไม่ถือเป็นยาเสพติด

ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธาน กมธ. ชี้แจงว่า ถ้าได้ดูร่าง พ.ร.บ.นี้ถึงมาตรา 95 จะพบว่าเราแยกเรื่องการจดแจ้งกับขออนุญาต เป็น 2 ส่วน จดแจ้งคือปลูกในครัวเรือน กัญชาไม่เกิน 15 ต้น กัญชงไม่เกิน 15 ไร่ นั่นคือการปลูกเองใช้เองอยู่ในครัวเรือนห้ามขาย แต่กรณีที่จะทำธุรกิจจะปลูกกัญชง พันไร่ ต้องขออนุญาต จะปลูกกัญชาที่ไม่ใช่ในครัวเรือนก็ต้องขออนุญาต และยืนยันว่าไม่ได้ละเลยพี่น้องประชาชน ส่วนเรื่องการนำเข้าส่งออก กฎหมายต้องเขียนให้ครอบคลุมทั้งหมด ส่วนเรื่องการเพาะปลูก แยกออกไปอยู่ในมาตรา 18 และการที่บรรดาผู้ต้องหาคดีถึงที่สุดถูกปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำ 7 พันกว่าคน คดีที่อยู่ในการพิจาณาของศาล อัยการ พนักงานสอบสวน อีกเป็นหมื่นคดี ในคดีความผิด พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ปี 2522 เกี่ยวกับกัญชา ถูกปล่อยตัวออกหมด ถูกสั่งไม่ฟ้อง เหตุผลเพราะกัญชาไม่ใช่ยาเสพติดแล้ว การที่สมาชิกอภิปรายกันทำให้ประชาชนสับสน

ผมยืนยันวันนี้ กัญชาตั้งแต่ยอดจนถึงราก ไม่ได้เป็นยาเสพติด สิ่งที่เป็นยาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ก็คือสารสกัดที่มีค่าทีเอชซีเกิน 0.2% และขณะที่เรามีมาตรา3 เรามีความเป็นห่วงว่าถ้าวันหนึ่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข กลับไปบอกว่ากัญชาเป็นยาเสพติดอีก อย่างน้อยผู้ที่ได้ประกอบธุรกิจอยู่ หรือผู้ปลูกกัญชาอยู่เป็นล้านต้นตอนนี้ ก็จะต้องไม่เป็นยาเสพติด นี่คือสิ่งที่ห่วงใย เมื่อท่านทั้งหลายเข้าใจไปคนละทิศละทาง กมธ.ก็ขอตัดมาตรา 3 และต่อให้ไม่มีมาตรา 3 กัญชาก็ไม่ใช่เป็นยาเสพติด” นายศุภชัยกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพรวมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง ยังเป็นไปด้วยความล่าช้า เนื่องจากมีผู้ขออภิปรายจำนวนมาก และมักเกิดปัญหาสุ่มเสี่ยงเรื่ององค์ประชุม 

22c63b184b18e25f8086d42fe602c462IMG 20221221 113354 scaled
ยื่นหนังสือขอให้สภาผู้แทนฯให้ความเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง

ทั้งนี้ในวันเดียวกันนี้ ได้มีเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเกาะพงัน พร้อมด้วยสมาคมนักวิจัยแห่งประเทศไทย และภาคีเครือข่ายภาคประชาชน ยื่นหนังสือถึงพรรคการเมืองทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบวาระ 3 ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)กัญชา กัญชง พ.ศ. โดยมีผู้แทนพรรคการเมือง ประกอบด้วย  นางสาวผ่องศรี ธาราภูมิ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นายสมชาย ฝั่งชลจิตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนพรรครับหนังสือ
       

นายสฤษดิ์ โชติช่วง ตัวแทนเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเกาะพงัน กล่าวว่า ขอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง มีทั้งข้อดี ข้อเสีย สภาผู้แทนราษฎรควรนำมาเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบ เพื่อนำไปสู่การสร้างกฎหมายให้เหมาะสม ทันสมัย สอดคล้องสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคม ขออย่าทิ้งภูมิปัญญาท้องถิ่น อย่าทิ้งวิถีชีวิตประชาชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ 
     

ขณะที่ พ.ต.ท.หญิง ฐิชาลักษณ์ ณรงค์วิทย์ ที่ปรึกษาสหภาพพยาบาลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอคัดค้านการตัดมาตรา 18 ประเด็นการให้ปลูกกัญชาในครัวเรือน ยืนยันว่าการปลูกกัญชาใช้ในครัวเรือนอย่างถูกต้องเป็นการบริบาลสุขภาพ ช่วยประชาชนเจ็บป่วยน้อยลง ส่วนหากมีความกังวลปัญหาการเข้าถึงกัญชาของเยาวชน เป็นเรื่องที่รัฐต้องดูแล หาแนวทาง โดยควรนำโมเดลเรื่องกัญชาของต่างประเทศมาศึกษาและปรับให้สอดคล้องกับบริบทในสังคมไทย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องท้าท้าย เพราะเกี่ยวข้องกับการสร้างรายได้รัฐ หลายประเทศมีรายได้จากการนำกัญชามาสร้างเศรษฐกิจ จึงขอติดตามเรื่องดังกล่าวต่อเนื่อง และขอให้สภาคงมาตรา 18 เพื่อประโยชน์ของประชาชน
 

ด้านนางผ่องศรี กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนชัดเจนในการสนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ และสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย ทั้งนี้ ตนจะนำหนังสือเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ให้สมาชิกพรรคทราบถึงความต้องการของประชาชน โดยจะพิจารณาตามข้อมูล หลักการและเหตุผล
 

ส่วนนายสมชาย ฝั่งชลจิตร พรรคก้าวไกล กล่าวขอบคุณข้อมูลจากภาคประชาชน พร้อมย้ำว่าสิ่งหนึ่งที่พรรคก้าวไกลยืนยันมาตลอดในการพิจารณาเรื่องนี้ คือการมองทั้งมิติที่เป็นประโยชน์และโทษ ดังนั้น พรรคก้าวไกลจะยืนหยัดอยู่บนผลประโยช์ของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นแนวทางที่พรรคก้าวไกลนำมาใช้ในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับประชาชน และพร้อมรับข้อเสนอนำไปพิจารณาโดยยึดประชาชนเป็นหลักต่อไป