“จุรินทร์”เผยประกันรายได้ยางพาราปี 4 เตรียมเข้า ครม.แล้ว จ่ายเงินชดเชยส่วนต่างหลังไฟเขียว

“จุรินทร์”เผยประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ปี 4 กำลังรอเข้า ครม. ประกันรายได้เหมือนเดิม วงเงินกว่า 7,000 ล้านบาท ระบุหลัง ครม. อนุมัติ จะดำเนินการจ่ายเงินส่วนต่างต่อไป

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ปีที่ 4 ว่า ขณะนี้คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้เห็นชอบการดำเนินโครงการประกันรายได้ยางพารา ปีที่ 4 แล้ว โดยเห็นชอบวงเงินเบื้องต้นประมาณ 7,600 ล้านบาท และเห็นชอบสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินหมุนเวียนให้กับผู้ประกอบการกิจการไม้พาราและผลิตภัณฑ์ในวงเงิน 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ และเมื่อผ่าน ครม. แล้ว จะมีการดำเนินการโอนเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรต่อไป

%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์

ทั้งนี้ กำหนดราคาประกันรายได้ผลผลิตยางแต่ละชนิด ได้แก่ ยางแผ่นดิบคุณภาพดี 60 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) น้ำยางสด (DRC 100%) 57 บาทต่อกิโลกรัม และยางก้อนถ้วย (DRC 50%) 23 บาทต่อกิโลกรัม

%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81
ประกันรายได้ยางพาราปี 4 เตรียมเข้า ครม.

ส่วนโครงการประกันรายได้พืชเกษตรอีก 4 ชนิด ครม. ได้อนุมัติการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวไปแล้ว ขณะนี้ได้จ่ายเงินส่วนต่างไปแล้ว 16 งวด จากทั้งหมด 33 งวด สำหรับโครงการประกันรายได้มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปาล์มน้ำมัน ได้ลงนามเสนอ ครม. ไปแล้ว อยู่ระหว่างการนำเสนอเพื่อพิจารณา แต่เกษตรกรไม่ได้รับผลกระทบ เพราะขณะนี้ ราคาทั้ง 3 ชนิด สูงกว่าที่ประกันรายได้เอาไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 4 หรือปี 4 ประกันรายได้ให้เกษตรกรชาวสวนยาง ที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลพื้นที่กับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ภายในวันที่ 30 มิ.ย.2565 จำนวนทั้งสิ้น 1,604,379 ราย (เจ้าของสวน ผู้เช่า ผู้ทำ 1,372,865 ราย และคนกรีดยาง 231,514 ราย) คิดเป็นพื้นที่ปลูกยาง รวม 18,183,764.59 ไร่ ซึ่งเป็นสวนยางอายุ 7 ปีขึ้นไปที่เปิดกรีดแล้ว แบ่งสัดส่วนรายได้ เจ้าของสวน ร้อยละ 60 และคนกรีด ร้อยละ 40 ของรายได้ทั้งหมด รายละไม่เกิน 25 ไร่ ระยะเวลาประกันรายได้ 2 เดือน (ต.ค.-พ.ย.2565) งบประมาณโครงการรวม 7,643,857,284.15 บาท

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้  การยางแห่งประเทศไทยคาดการณ์แนวโน้มราคายางในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีบทสรุปว่า จากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค ราคายางยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากที่การส่งออกมีแนวโน้มเติบโตชะลอลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินเศรษฐกิจโลกปี 2566 จะเติบโตต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2544 ที่ร้อยละ 2.7 ชะลอลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 3.2 ในปี 2565 รวมถึงชี้ว่าประมาณ 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกและราวครึ่งหนึ่งของสหภาพพยุโรป (อียู)จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 สอดคล้องกับองค์การการค้าโลก (WTO) คาดปริมาณการค้าโลกในปี 2566 จะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.0 จากเติบโตร้อยละ 3.5 ในปี 2565 อีกทั้ง IMF และWTO เตือนแนวโน้มการทวนกระแสโลกาภิวัตน์อาจทวีความรุนแรงท่ามกลางขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจ

โดยเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัวซึ่งยังต้องเผชิญกับปัจจัยลบภายนอกทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและหลายประเทศเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มที่จะทยอยกลับเข้าสู่กรอบเงินเฟ้อเป้าหมายของธปท.ได้ตั้งแต่ช่วงกลางปี66 คาดว่าการดำเนินนโยบายการเงินของไทยจะไม่เข้มงวดมากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค

ด้านค่าเงินบำทที่แข็งค่ารวดเร็วโดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาแข็งค่าไปแล้วกว่าร้อยละ 15 อาจมีผลต่อภาพพรวมเศรษฐกิจระยะยาวขยายตัวได้น้อยลงจากภาคการส่งออกที่สะดุด ดุลการค้าไทยขาดดุลมากขึ้นหรือ Net Exports ติดลบเพิ่มขึ้น รวมถึงภาคคการท่องเที่ยวที่จำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ของประเทศอาจลดลงซึ่งล้วนมีผลต่อการจ้างงานและการบริโภคภายในประเทศ เกิด Downside GDP โดยประเด็นความเสี่ยงและปัจจัยท้าทายที่อาจกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ได้แก่ ความผันผวนของตลาดการเงินและความเสี่ยงต่อภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของโลก

ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยของหลายประเทศที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบหลายปี รวมถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจีนอาจเติบโตต่ำ่กว่าคาดจากการดำเนินนโยบายคุมโควิด-19 ความเปราะบำงในภาคอสังหาริมทรัพย์และผลกระทบจากการกีดกันด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ขณะที่ความเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออาจสูงขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ

อย่างไรก็ตามราคายางยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนหลัก ๆ จากเศรษฐกิจจีนในเดือนมกราคมมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์ รวมถึงเทศกาลตรุษจีนในช่วงปลายเดือนมกราคม จึงคาดว่าราคายางในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ จากการทำลายแนวโน้มขาลงของราคาแล้ว