โฆษกรัฐบาล เผยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับลูกนโยบายรัฐบาล เดินหน้าประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลก 2 ภูมิภาค งาน Biofach 2023 ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และงาน Gulfood 2023 ณ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยินดีที่ได้ทราบสินค้าข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ของไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลกใน 2 ภูมิภาค ที่สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้วยการผลักดันนโยบายของนายกรัฐมนตรี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำสินค้าข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ของไทยร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลกใน 2 ภูมิภาค ได้แก่
1. งาน BIOFACH 2023 ครั้งที่ 33 วันที่ 14-17 กุมภาพันธ์ 2566 ณ เมืองนูเรมเบิร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเกษตรอินทรีย์นานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้ ในงานได้จัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับข้าวอินทรีย์ไทย จัดแสดงตัวอย่างสินค้าข้าวอินทรีย์ และผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ของไทยไปจัดแสดง เช่น ข้าวหอมมะลิไทยอินทรีย์ ข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ แป้งข้าวอินทรีย์ เครื่องดื่มจากข้าวอินทรีย์ และขนมอบกรอบที่ทำมาจากข้าวอินทรีย์ เป็นต้น รวมถึงการเจรจาธุรกิจการค้ากับผู้นำเข้าข้าวภายในงานด้วย
2. งาน Gulfood 2023 ครั้งที่ 28 วันที่ 20-24 กุมภาพันธ์ 2566 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง ในงานได้จัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับความหลากหลายของข้าวไทยควบคู่กับเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และจัดแสดงตัวอย่างข้าวไทยชนิดต่าง ๆ เช่น ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวขาว และข้าวนึ่ง รวมถึงข้าวคุณลักษณะพิเศษ เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวสังข์หยด และข้าว กข43 พร้อมสาธิตการหุงข้าวไทยแจกให้กับผู้เข้าชมภายในคูหา ได้ทดลองชิมคู่กับอาหารของไทยอีกด้วย
“นายกรัฐมนตรี ชื่นชมการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งได้รับนโยบายของรัฐบาลไปดำเนิน เพื่อสร้างโอกาสอันดี ในการประชาสัมพันธ์ข้าวไทย สินค้าไทย และนวัตกรรมจากอาหารของไทย ให้ผู้นำเข้าสินค้าและผู้บริโภคในต่างประเทศรับรู้ และเชื่อมั่นในคุณภาพ มาตรฐานของข้าวไทย ซึ่งถือเป็นการขยายตลาด กระตุ้นการซื้อขาย ข้าว และผลิตภัณฑ์ข้าวไทยได้เพิ่มมากขึ้น” นายอนุชาฯ กล่าว
ด้านนางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้กำหนดจัดคณะผู้แทนเดินทางไปเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลกใน 2 ภูมิภาค โดยงานแรก คือ งาน Biofach 2023 ครั้งที่ 33 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเกษตรอินทรีย์นานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของโลก จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ เมืองนูเรมเบิร์ก เยอรมนี ระหว่างวันที่ 14–17 ก.พ.2566 โดยกรมฯ จะจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับข้าวอินทรีย์ไทย จัดแสดงตัวอย่างสินค้าข้าวอินทรีย์ไทย เช่น ข้าวหอมมะลิไทยอินทรีย์ และข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ เป็นต้น และยังได้นำผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ของไทยไปจัดแสดงตัวอย่างสินค้า เช่น แป้งข้าวอินทรีย์ เครื่องดื่มจากข้าวอินทรีย์ และขนมอบกรอบที่ทำจากข้าวอินทรีย์ รวมถึงการเจรจาธุรกิจการค้ากับผู้นำเข้าข้าวภายในงานด้วย
ทั้งนี้ กรมฯ มั่นใจว่าจะช่วยขยายตลาดข้าวอินทรีย์ของไทยเข้าสู่ตลาดสหภาพยุโรปได้เพิ่มขึ้น เพราะสหภาพยุโรปเป็นตลาดสินค้าอินทรีย์และข้าวอินทรีย์ของไทยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพ รักและใส่ใจในสุขภาพ สนใจสินค้าปลอดกลูเตน (Gluten Free) ให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 ไทยส่งออกข้าวอินทรีย์ไปสหภาพยุโรปปริมาณ 8,740 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ส่งออกปริมาณ 7,343 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 19% ซึ่งสหภาพยุโรปมีสัดส่วนปริมาณการส่งออกข้าวอินทรีย์ไทย 40% ของปริมาณการส่งออกข้าวอินทรีย์ทั้งหมดของไทย
ส่วนอีกงาน จะเข้าร่วมงาน Gulfood 2023 ครั้งที่ 28 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในระหว่างวันที่ 20–24 ก.พ.2566 โดยกรมฯ จะจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับความหลากหลายของข้าวไทย ควบคู่กับเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และจัดแสดงตัวอย่างข้าวไทยชนิดต่าง ๆ เช่น ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวขาว และข้าวนึ่ง เป็นต้น รวมทั้งข้าวคุณลักษณะพิเศษ เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวสังข์หยด และข้าว กข43 เป็นต้น พร้อมทั้งมีการสาธิตการหุงข้าวไทยและแจกให้ผู้เข้าเยี่ยมชมภายในคูหาของกรมฯ ได้ทดลองชิมคู่กับอาหารไทยด้วย
สำหรับภูมิภาคตะวันออกกลาง เป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทย โดยมีสัดส่วน 26% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด โดยประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ไทยส่งออกไปมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ อิรัก เยเมน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิสราเอล ตุรกี และโอมาน โดยในปี 2565 ไทยส่งออกข้าวไปภูมิภาคตะวันออกกลางปริมาณ 2.02 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ส่งออกปริมาณ 0.63 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 220% โดยส่วนใหญ่เป็นการส่งออกข้าวขาว รองลงมา คือ ข้าวหอมมะลิไทย
“การเข้าร่วมงาน BIOFACH 2023 และงาน Gulfood 2023 ที่มีผู้ประกอบการสินค้าอาหารและเครื่องดื่มมาจัดแสดงสินค้าและพบปะเจรจาธุรกิจระหว่างกัน นับว่าเป็นโอกาสและช่องทางที่ดีของกรมฯ ในการจะประชาสัมพันธ์ข้าวไทยให้ผู้นำเข้าและผู้บริโภคในต่างประเทศเกิดการรับรู้ จดจำ และเชื่อมั่นในคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัยของข้าวไทย ซึ่งจะช่วยรักษาส่วนแบ่งตลาดและกระตุ้นการซื้อข้าวไทยและผลิตภัณฑ์จากข้าวไทยในสหภาพยุโรปและตะวันออกกลางได้เพิ่มมากขึ้น และกรมฯ ยังมีแผนที่จะจัดคณะผู้แทนเดินทางไปจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลกในภูมิภาคอื่นอีกด้วย”นางมนัสนิตย์กล่าว