กรมวิชาการเกษตรมัดรวมนวัตกรรมเครื่องจักรกลเกษตร แปรรูปกาแฟอาราบิกา

กรมวิชาการเกษตรมัดรวมนวัตกรรมเครื่องจักรกลเกษตรแปรรูปกาแฟอาราบิกา ช่วยเกษตรกรลดต้นทุนการผลิต แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน  

นายระพีภัทร์  จันทรศรีวงศ์  เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกกาแฟ  268,211 ไร่ โดยการปลูกมี 2 สายพันธุ์หลัก คือ พันธุ์อาราบิกา ปลูกมากในภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน แม่ฮ่องสอน ลำปาง ตาก และ แพร่  และ พันธุ์โรบัสตา ปลูกมากในภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง และ พังงา  โดยศูนย์วิจัยเกษตรวิศวกรรมเชียงใหม่ สถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรม กรมวิชาการเกษตร  ได้ดำเนินการวิจัยเครื่องจักรกลเกษตรสำหรับการแปรรูปกาแฟอาราบิกาอย่างครบวงจร ได้แก่ เครื่องมือเก็บเกี่ยวกาแฟ ปัจจุบันใช้แรงงานคนเก็บเกี่ยวเป็นหลัก ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน  การเก็บเกี่ยวด้วยคน มีต้นทุนค่าเก็บ 5-8 บาทต่อกิโลกรัมผลสด  ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูง กรมวิชาการเกษตร จึงพัฒนาเครื่องมือเก็บเกี่ยวกาแฟ เครื่องเป็นแบบพกพา กว้าง 8 เซนติเมตร ยาว 30 เซนติเมตร มีก้านรูดผลกาแฟ 2 ก้าน ยาว 10 เซนติเมตร หมุนสวนทางกัน ด้านข้างก้านรูดผลกาแฟติดเส้นลวดสปริง 2 เส้น สำหรับรูดผลกาแฟออกจากต้น ทำงานที่ความเร็วเชิงเส้น 4.18 เมตรต่อวินาที

329771042 192174770169201 5373100042183701176 n
นวัตกรรมเครื่องจักรกลเกษตรแปรรูปกาแฟอาราบิกา

จากผลการทดสอบเครื่องมือเก็บเกี่ยว พบว่า การใช้เครื่องเร็วกว่าคนเก็บ 2 เท่า ลดต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวเฉลี่ย 3 บาทต่อกิโลกรัมผลสด หรือประมาณ 1,425 บาทต่อไร่ (คิดที่ผลผลิตกาแฟเฉลี่ย 475 กิโลกรัมผลสดต่อไร่) โดยการใช้เครื่องมือเก็บเกี่ยว ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือเก็บเกี่ยวในช่วงที่ผลกาแฟสุกแก่มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์

             

เครื่องล้างทำความสะอาดผลกาแฟอาราบิกา กระบวนการลอยแยกผลกาแฟ เป็นขั้นตอนที่สำคัญส่งผลต่อคุณภาพกาแฟกะลา ใช้แรงงานมาก หากไม่ทำการล้างสิ่งสกปรกและลอยแยกผลกาแฟที่คุณภาพต่ำออก ทำให้กาแฟกะลาที่ผลิตได้มีคุณภาพต่ำ ส่งผลให้ถูกตัดราคาจำหน่าย  ซึ่งเกษตรกรยังไม่มีเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการนี้  โดยเครื่องล้างทำความสะอาดผลกาแฟอาราบิกา ทำงานทดแทนแรงงานคนได้ เครื่องทำงานได้ 2,000 กิโลกรัมผลกาแฟสดต่อชั่วโมง และหากเพิ่มเติมอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุ เช่น รางสกรูลำเลียง ต่อเข้ากับเครื่องมือแปรรูปกาแฟในขั้นตอนต่อไปได้ เช่น เครื่องสีเปลือกสด เครื่องขัดเมือกกาแฟกะลา จะทำให้ทำงานต่อเนื่องสามารถแปรรูปกาแฟตั้งแต่ต้นทางจากผลสด จนถึงขั้นตอนทำให้เป็นกาแฟกะลาแห้งได้ รวมทั้งสามารถพัฒนาให้เกิดเป็นโรงแปรรูปกาแฟขนาดเล็กได้ เหมาะสมกับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน

             

เครื่องคัดแยกเมล็ดกาแฟกะลาเมือก กรมวิชาการเกษตรได้พัฒนาต้นแบบเครื่องคัดแยกเมล็ดกาแฟกะลาเมือกโดยเครื่องมีลักษณะเป็นตะแกรงทรงกระบอกหมุนในแนวนอน ขนาดรูตะแกรง 8×20 มิลลิเมตร เครื่องมีประสิทธิภาพการคัดแยก 78 เปอร์เซ็นต์ ความสามารถในการทำงานประมาณ 1,200 กิโลกรัมผลสด/ชั่วโมง ใช้มอเตอร์ ½ แรงม้าเป็นต้นกำลัง  เครื่องคัดแยกเมล็ดกาแฟกะลาเมือกจะช่วยคัดแยกผลกาแฟที่ไม่ถูกลอกเปลือกและเปลือกที่ปนมากับเมล็ดกาแฟกะลาเมือก เกษตรกรสามารถผลิตเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ และช่วยลดต้นทุนการผลิต  

           

เครื่องขัดล้างเมือกกาแฟอาราบิกา กรมวิชาการเกษตรได้พัฒนาเครื่องขัดล้างเมือกกาแฟ มีหลักการทำงานด้วยแกนขัดหมุนในแนวตั้ง โดยป้อนกาแฟเมือกเข้าทางด้านล่างและไหลออกทางด้านบน ติดด้วยก้านกวนเมล็ดกาแฟรอบแกน ความสามารถในการทำงานเฉลี่ย  700 กิโลกรัมต่อชั่วโมง เครื่องขัดล้างเมือกกาแฟจะช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาในการขัดล้างเมือกกาแฟ เกษตรกรสามารถผลิตเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ และช่วยลดต้นทุนการผลิต

             

โรงอบแห้งกาแฟกะลาอาราบิกาด้วยพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับเกษตรกร แบบควบคุมความชื้นและอุณหภูมิภายในอัตโนมัติ ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร สั่งงานระบบควบคุมอัตโนมัติด้วยสมองกลฝังตัว สามารถตากกาแฟได้ครั้งละไม่น้อยกว่า 1.5 ตัน ใช้เวลาอบแห้งเร็วกว่าแบบเดิมของเกษตรกรถึง 3 เท่า

               

“นวัตกรรมเครื่องจักรกลเกษตรสำหรับกาแฟอาราบิกาซึ่งเป็นผลงานวิจัยของกรมวิชาการเกษตรทั้งหมดนี้จะช่วยลดต้นทุนในการผลิตและปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เกษตรกรสามารถทำงานได้เร็วขึ้น และทันต่อฤดูกาลเก็บเกี่ยว สุดท้ายจะทำให้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพที่ดีขึ้น ขายได้ราคา ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยเกษตรวิศวกรรมเชียงใหม่ สถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรม กรมวิชาการเกษตร 053-114119 ” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  กล่าว

MOAC Image
MOAC Image
MOAC Image
MOAC Image
MOAC Image