สศก.คาดปีนี้ ลำไยภาคเหนือให้ผลผลิต 1.03 ล้านตัน ลิ้นจี่ 4 จังหวัดภาคเหนือ 3.4 หมื่นตัน FC รอชิมเลย ออกตลาดรับสงกรานต์นี้

นายวินิต อธิสุข รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การผลิตและพยากรณ์ปริมาณการผลิตไม้ผล ลำไย และ ลิ้นจี่ ภาคเหนือ ปี 2566 (ข้อมูลผลพยากรณ์  ณ วันที่ 27 มีนาคม 2566) คาดว่า เนื้อที่ให้ผลลำไย 8 จังหวัดภาคเหนือ (เชียงรายพะเยา ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ ตาก แพร่ และน่าน) มีจำนวน 1.24 ล้านไร่ ลดลงจากปี 2565 ที่มีจำนวน1.25 ล้านไร่ (ลดลงร้อยละ 0.31) เนื่องจากปัจจัยด้านราคาของลำไยในฤดูไม่จูงใจ เกษตรกรบางส่วนจึงโค่นลำไยเพื่อเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น เช่น ยางพารา ทุเรียน เงาะ มะม่วง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 

ผลผลิตทั้ง 8 จังหวัด คาดว่ามีปริมาณ 1.03 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีจำนวน 1.02 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.52) 

โดยแบ่งเป็นผลผลิตในฤดู จำนวน 7 แสนตัน ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 5.25 ผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผลเฉลี่ย  709 กิโลกรัมต่อไร่ ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 1.53 เนื่องจากปัจจัยด้านราคาไม่จูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษา และสภาพอากาศหนาวเย็นในช่วงต้นปี 2566 ไม่เพียงพอต่อการออกดอกของลำไย โดยมีอากาศหนาวเย็นเพียงช่วงสั้นๆ สลับกับอุณหภูมิที่สูงขึ้น ประกอบกับบางพื้นที่ปริมาณน้ำไม่เพียงพอทำให้ต้นไม่สมบูรณ์ การแทงช่อดอกของลำไยในฤดูจึงลดลง  

ขณะที่ผลผลิตนอกฤดู จำนวน 3.29 แสนตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 15.51  ผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผลเฉลี่ย 1,282 กิโลกรัมต่อไร่ ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 0.23 ซึ่งผลผลิตลำไยนอกฤดูเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาลำไยในช่วงปลายปี 2565 ดีขึ้น จึงจูงใจให้เกษตรกรใช้สารกระตุ้นการออกดอกนอกฤดูเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าผลผลิตลำไยภาคเหนือจะออกสู่ตลาดมากตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึงเดือนกันยายน และจะออกมากที่สุดในเดือนสิงหาคมนี้ ประมาณ  382,493  ตัน หรือร้อยละ 37.15 ของผลผลิตทั้งทั้งหมด

ลิ้นจี่ ปี 2566 ในแหล่งผลิตสำคัญ 4 จังหวัดภาคเหนือ (เชียงราย พะเยา เชียงใหม่ และ น่าน) เนื้อที่ให้ผลมีจำนวน 7.56 หมื่นไร่ ลดลงจากปี 2565 ที่มีจำนวน  8.11 หมื่นไร่ (ลดลงร้อยละ 6.76) เนื่องจากเกษตรกรปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า หรือดูแลง่ายกว่าแทน เช่น ยางพารา ทุเรียน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์  

7ED143BB 5735 4496 ACD7 B0FECB77979E

ภาพรวมผลผลิต 4 จังหวัด 34,620 ตัน ลดลงจากปี 2565 ที่มีจำนวน 39,961 ตัน (ลดลงร้อยละ 13.37) และผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผลเฉลี่ย 458 กิโลกรัมต่อไร่ ลดลงจากปี 2565 ที่เฉลี่ย 493 กิโลกรัมต่อไร่ (ลดลงร้อยละ 7.10) เนื่องจากลิ้นจี่เป็นพืชที่ชอบอากาศหนาวเย็น แต่ในปีนี้พบว่าอากาศหนาวเย็นเพียงช่วงสั้นไม่ต่อเนื่อง ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของลิ้นจี่ ทำให้ลิ้นจี่แทงช่อดอกช้ากว่าปีที่ผ่านมา บางส่วนก็แตกใบอ่อนแทนการออกดอก 

ประกอบกับหลายปีที่ผ่านมา เกษตรกรไม่ดูแลรักษา เนื่องจากลิ้นจี่เป็นพืชที่ดูแลยาก ทำให้ต้นไม่สมบูรณ์ช่อดอกไม่สามารถพัฒนาเป็นผลได้ อีกทั้งพบเพลี้ยไฟและโรคเชื้อรา ทั้งนี้ คาดว่าผลผลิตลิ้นจี่ภาคเหนือจะเริ่มออกสู่ตลาดในเดือนเมษายน ถึงเดือนกรกฎาคม  และจะออกมากที่สุดในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนนี้  ผลผลิตรวมประมาณ33,444 ตัน หรือร้อยละ 96.60 ของผลผลิตทั้งหมด 

สำหรับท่านที่สนใจข้อมูลพยากรณ์ผลผลิตสินค้าเกษตร สามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์สารสนเทศการเกษตรโทร 0 2561 2870 และอีเมล [email protected]

4F636A9E CD20 4B5E 9550 DEFAE21F7164