​ชวนชิม“ทุเรียนทะเลหอย” สินค้า GI น้องใหม่ จ.กระบี่ รสชาติเข้มข้น-หวานละมุน

“จุรินทร์”ชวนชิม “ทุเรียนทะเลหอย” สินค้า GI น้องใหม่ของจังหวัดกระบี่ การันตีคุณภาพโดนใจแน่นอน เผยรสชาติหวานมัน เข้มข้น คล้ายทุเรียนผสมครีมหรือนมสด เนื้อแห้ง สามารถสร้างรายได้สู่ท้องถิ่นกว่าปีละ 70 ล้านบาท
         

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทุเรียนทะเลหอย จังหวัดกระบี่ ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว ซึ่งผลจากการขึ้นทะเบียน GI จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทุเรียนทะเลหอย เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่น จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทดลองบริโภค รับรองว่าคุณภาพถูกใจแน่นอน
         

%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%994
ทุเรียนทะเลหอย

ทั้งนี้ ในปัจจุบันกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ประกาศขึ้นทะเบียน GI สินค้าประเภทต่าง ๆ ทั้งกลุ่มสินค้าอาหาร ผลผลิตทางการเกษตร และสิ่งของเครื่องใช้ รวม 185 รายการ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา ตั้งเป้าสร้างเงินจากสินค้า GI ไทยมุ่งสู่ 50,000 ล้านบาท

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ทุเรียนทะเลหอยเป็นสินค้า GI รายการใหม่ของไทย ปลูกในพื้นที่ตำบลปลายพระยาและตำบลเขาเขน อำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีสภาพอากาศและแหล่งน้ำที่ดี มีธาตุอาหารหลักที่สำคัญ และไม่ใช้สารเคมีในการเพาะปลูก ส่งผลให้ผลผลิตมีคุณภาพดีและมีลักษณะโดดเด่นแตกต่างจากทุเรียนที่ปลูกในพื้นที่อื่น
         

สำหรับรสชาติของทุเรียนทะเลหอย มีความนุ่มละมุน หวาน มัน เข้มข้น คล้ายทุเรียนผสมครีมหรือนมสด เนื้อสัมผัสแห้ง เป็นที่นิยมของผู้บริโภค ทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้ต้องเพิ่มผลผลิตเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของตลาด ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นกว่า 70 ล้านบาทต่อปี
         

“กรมฯ จะเดินหน้าผลักดันการขึ้นทะเบียน GI ไทยอย่างต่อเนื่อง และจะเร่งจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้า เพื่อรักษาคุณภาพและมาตรฐานของสินค้า ส่งเสริมการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของสินค้าสู่ระดับพรีเมียม รวมถึงจัดงานส่งเสริมและขยายช่องทางการตลาดทุกรูปแบบ และขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสนับสนุนสินค้า GI ไทย เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจภายในประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า GI ไทยอย่างยั่งยืนต่อไป”นายวุฒิไกรกล่าว