“พาณิชย์”ประกาศขึ้นทะเบียน GI รายการใหม่ “ปลานิลกระชังแม่น้ำโขงหนองคาย” มั่นใจช่วยทำให้สินค้าเป็นที่รู้จัก และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรมากขึ้น  

กรมทรัพย์สินทางปัญญา ประกาศขึ้นทะเบียนสินค้า GI รายการใหม่ “ปลานิลกระชังแม่น้ำโขงหนองคาย” ถือเป็นสินค้ารายการที่ 3 ตามหลังกล้วยตากสังคม และสับปะรดศรีเชียงใหม่ มั่นใจช่วยทำให้สินค้าเป็นที่รู้จัก และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรมากขึ้น  
         

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมได้ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) รายการใหม่ คือ ปลานิลกระชังแม่น้ำโขงหนองคาย ซึ่งเป็นสินค้า GI ลำดับที่ 3 ของ จ.หนองคาย ต่อจากกล้วยตากสังคม และสับปะรดศรีเชียงใหม่ โดยมั่นใจว่าการขึ้นทะเบียน จะทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น และช่วยให้เกษตรกรที่เลี้ยงปลานิล มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับ จ.หนองคาย และเกษตรกรในชุมชนกว่า 540 ล้านบาทต่อปี

2 6
ปลานิลกระชังแม่น้ำโขงหนองคาย


         
สำหรับปลานิลกระชังแม่น้ำโขงหนองคาย คือ ปลานิลสายพันธุ์จิตรลดา มีลักษณะส่วนหัวเล็ก ริมฝีปากบนและล่างเสมอกัน มีลายพาดตามขวาง เมื่อปรุงสุกเนื้อมีสีขาว แน่นเป็นลิ่ม และนุ่ม จำหน่ายในรูปแบบปลานิลสดและปลานิลแดดเดียว ผลิตและแปรรูปตามภูมิปัญญาของชุมชน

โดยการเลี้ยง ครอบคลุมเขตพื้นที่ 6 อำเภอ ของ จ.หนองคาย ที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน ได้แก่  อ.สังคม ศรีเชียงใหม่ ท่าบ่อ เมืองหนองคาย โพนพิสัย และรัตนวาปี ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ คือ มีคุ้งน้ำกว้าง พื้นท้องน้ำเป็นทราย มีโขดหิน ทำให้การไหลผ่านของน้ำในแม่น้ำโขงในช่วงจังหวัดหนองคายเป็นการไหลแบบเอื่อย ๆ ตลอดเวลา ช่วยเพิ่มออกซิเจนในน้ำให้เหมาะสมกับการเลี้ยงปลานิล ทำให้ปลานิลมีสุขภาพดี จากการว่ายน้ำตลอดเวลา ตลอดจนความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำโขงซึ่งมีแร่ธาตุในดิน และเป็นน้ำที่มีความสะอาด ส่งผลให้ปลานิลกระชังแม่น้ำโขงหนองคาย ที่เลี้ยงในกระชัง จึงไม่มีกลิ่นเหม็นคาว และไม่มีกลิ่นโคลน เนื้อแน่น นุ่ม เนื่องจากมีไขมันแทรก เป็นที่นิยมของผู้บริโภคในจังหวัดหนองคายรวมถึงจังหวัดใกล้เคียง
         

ทั้งนี้ กรมมีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากฐานรากบนพื้นฐานแห่งอัตลักษณ์และภูมิปัญญาไทย โดยการขึ้นทะเบียน GI เพื่อยกระดับสินค้าท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จัก เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และพร้อมส่งเสริมการควบคุมคุณภาพสินค้า เพื่อสร้างความั่นใจให้แก่ผู้บริโภค และขยายช่องทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และสร้างรายได้ให้เกษตรกรในชุมชนอย่างยั่งยืน