ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมสังเกตการณ์การประชุมคณะกรรมการแก้ปัญหาราคาสินค้าเพื่อการประมงตกต่ำ โดยมีนายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมงเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าภาคการประมง ซึ่งมีคณะกรรมการ ประกอบด้วยภาครัฐ โดยกรมประมง สมาคมหอการค้าไทย สมาคมประมงแห่งประเทศไทย สมาคมอาหารแช่แข็งเยือกแข็งเป็นต้น
ทั้งนี้สมาคมประมงฯได้รายงานว่า ราคาสินค้าประมงเริ่มตกต่ำเรื่อยมาตั้งแต่เดือน เม.ย. 2566 ปัจจุบันราคาสินค้าประมงในประเทศลดกว่า 50 % โดยเฉพาะกลุ่มหมึก ปลาทรายแดง ที่เป็นวัตถุดิบสำหรับทำซูริมิ ส่งผลให้ชาวประมงรายย่อยและประมงพื้นบ้านไม่สามารถแข่งขันได้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการนำเข้าสินค้าประมงโดยสำแดงเท็จเป็นสินค้าอื่น เพื่อเลี่ยงการเก็บภาษี
ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นชอบร่วมกันที่จะให้ตรวจสอบการนำเข้าสินค้าประมงทุกประเภทอย่างเข้มข้น จากหลักมาตรการสากลเดิมที่มีอยู่ ในการตรวจสอบต้นทางของสินค้าจนถึงปลายทางที่ผู้นำเข้าจะนำไปจำหน่าย ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ
“วันที่ 12 ก.พ. นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการแก้ปัญหาประมงซึ่งมีผมเป็นประธาน โดยจะนำวาระการประชุมในวันนี้ เรื่องการแก้ปัญหาราคาภาคการประมงตกต่ำ เข้าสู่ที่ประชุมและกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม สินค้าที่มีการลักลอบเข้ามาสู่ราชอาณาจักรอย่างไม่ถูกต้อง ต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นแยกประเภท ซึ่งคาดว่าภายในเดือน ก.พ.นี้ จะทราบว่ามีสินค้าอะไรบ้างที่ส่งผลกระทบต่อภาคการประมงและภาคปศุสัตว์ ซึ่งเอกสารที่ได้จากการตรวจสอบ ขณะนี้ได้ส่งให้กองปราบปราม โดยสั่งการให้ชุดเฉพาะกิจพยานาคราช เดินทางไปร้องเรียนว่ามีเอกสารที่สำแดงโดยมิชอบที่ผิดสังเกต โดยมีมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท รวมแล้วกว่า 20 คดี เรื่องของประมงเป็นวาระแห่งชาติ โดยย้ำว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และภาคเอกชน ทั้งหอการค้า, สมาคมแช่แข็ง และสมาคมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยกำลังเร่งหาข้อสรุปและมาตรการ เพื่อไม่ให้สินค้าภาคการประมงตกต่ำอย่างในปัจจุบันนี้ ทุกเรื่องจะต้องจบในวันที่ 12 ก.พ. นี้ จากการประชุมคณะกรรมการแก้ปัญหาประมงที่มีผมเป็นประธาน” ร.อ. ธรรมนัส กล่าวทิ้งท้าย