กรมวิชาการเกษตร โดยกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร แนะนำการใช้ “ ปุ๋ยชีวภาพอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา ” (Arbuscular Mycorrhizal Biofertilizer) ซึ่งเป็นปุ๋ยชีวภาพที่ประกอบไปด้วยจุลินทรีย์กลุ่มราอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซาที่มีชีวิต ที่อยู่ร่วมกับพืชแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โดยรามีการเจริญเติบโตอยู่บริเวณรอบรากพืชและเข้าไปอาศัยอยู่ในราก ช่วยดูดน้ำและธาตุอาหารจากดินผ่านทางเส้นใยของราแล้วส่งต่อให้พืชนำไปใช้ประโยชน์เพิ่มมากขึ้น ปุ๋ยชีวภาพอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซามีความสำคัญมากด้านการเกษตร ในการช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับพืชเศรษฐกิจได้หลากหลายชนิด และยังเป็นปัจจัยการผลิตที่มีศักยภาพนำไปสู่การทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน
ประโยชน์หลักที่พืชได้รับจากปุ๋ยชีวภาพอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา ได้แก่ เพิ่มพื้นที่ผิวรากในการดูดน้ำและธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ เช่น ธาตุอาหารหลัก และธาตุอาหารรอง ทำให้พืชทนแล้งได้มากขึ้น ป้องกันการเข้าทำลายของเชื้อสาเหตุโรคพืชในดิน เช่น โรครากเน่า โคนเน่า ช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมี และเพิ่มคุณภาพผลผลิตพืช
วิธีการใช้ปุ๋ยชีวภาพอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา ในไม้ผลและไม้ยืนต้น สำหรับการเพาะกล้าใช้ 10 กรัมต่อต้น ผสมในวัสดุเพาะกล้า การรองก้นหลุมใช้ 10 กรัมต่อหลุมก่อนปลูก และการใส่รอบทรงพุ่ม พืชอายุ 1 – 3 ปี ใช้ 10 กรัมต่อต้น, อายุ 3 – 5 ปี ใช้ 30 กรัมต่อต้น, อายุ 5 – 10 ปี ใช้ 50 กรัมต่อต้น, อายุ 10 ปีขึ้นไปใช้ 100 กรัมต่อต้น คลุกปุ๋ยผสมกับดินแล้วกลบทันที ในพืชผัก วิธีการใช้ คือ การผสมวัสดุเพาะกล้าใช้ 500 กรัม ผสมกับวัสดุเพาะ 50 กิโลกรัม การรองก้นหลุมใช้ 5 กรัมต่อหลุม ข้อควรระวังในการใช้ปุ๋ยชีวภาพคือ ไม่ควรใช้พร้อมกัน กับสารเคมีกำจัดเชื้อรา
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่ กลุ่มงานวิจัยจุลินทรีย์ดิน กลุ่มวิจัยปฐพีวิทยา กองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตร โทรศัพท์ 0-2579-7522
