
นายกฤษฎิน คำตัน รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยภายหลัง กิจกรรม Kick Off โครงการ “ทำนาวิถีใหม่ ไร้ข้าวดีด ทำนาดี ปีละ 2 ครั้ง ณ ศูนย์ข้าวชุมชนบ้านโคบึง ตำบลศรีพราน อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ว่า กรมการข้าวได้พัฒนาและรับรองสายพันธุ์ข้าวใหม่ “กข 113” และ “กข 119 ” ซึ่งได้ปรับปรุงจากสายพันธุ์ยอดนิยม กข 79 ให้มีคุณสมบัติที่ดีขึ้น โดย กข 113 เป็นข้าวพื้นนุ่มให้ผลผลิตสูงประมาณ 1 ตันกว่า/ไร่ อายุสั้นไม่เกิน 105 วัน เช่นเดียวกับข้าว กข 119 เป็นข้าวพื้นนุ่มที่มีความหอม ให้ผลผลิตที่ใกล้เคียงกัน ผ่านการทดสอบจากกรมการข้าวแล้วว่า มีความต้านทานต่อโรคและแมลง รวมถึงผ่านการทดสอบคุณภาพการหุงต้ม จึงเป็นที่ต้องการของตลาด

“ขณะนี้กรมการข้าวอยู่ระหว่างการเพิ่มปริมาณเมล็ดพันธุ์ให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ จึงอยากเชิญชวนให้พี่น้องเกษตรกรโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างได้หันมาใช้พันธุ์ข้าวของกรมการข้าวที่ได้วิจัยปรับปรุงพันธุ์ขึ้นมา เป็นข้าวคุณภาพดีช่วยลดปัญหาข้าวดีดข้าวเด้งที่อาจมีสาเหตุมาจากพันธุ์ข้าวจากแหล่งอื่น ”

รองอธิบดีกรมการข้าวย้ำว่า ขอให้เกษตรกรเลือกสายพันธุ์ข้าวโดยคำนึงถึงความต้องการของตลาดเป็นสำคัญ และอยากให้เลือกปลูกข้าวสายพันธุ์ไทยที่มีชื่อเสียง เนื่องจากปัจจุบันการส่งออกข้าวนั้นเน้นที่คุณภาพเป็นหลัก สำหรับเกษตรกรที่ต้องการพันธุ์ข้าว สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวในพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ ทางศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวชัยนาท, สุพรรณบุรี หรือ นครสวรรค์
ทำความรู้จัก
ข้าวเจ้าสายพันธุ์
IR96522-PTT-5-1-2-1-4-1
ประวัติพันธุ์
ข้าวสายพันธุ์ IR96522-PTT-5-1-2-1-4-1 ได้จากการผสมพันธุ์ระหว่างพันธุ์ Ming Hui 63 และ IR80897-84-2-2-1 ที่สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ (IRRI) จากนั้นนำมาปลูกคัดเลือกแบบสืบตระกูล (pedigree selection) ที่ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี จนได้สายพันธุ์นี้
ลักษณะประจำพันธุ์
เป็นข้าวเจ้าพื้นนุ่ม ไม่ไวต่อช่วงแสง ทรงกอตั้ง สูงประมาณ 117 เซนติเมตร ลำต้นค่อนแข็ง ไม่มีหาง อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 105 – 110 วัน เมื่อปลูก โดยวิธีหว่านน้ำตม และ 107-115 วัน โดยวิธีปีกดำ คุณภาพการสีดี ปริมาณโปรตีนในข้าวกล้อง 10.01%
ลักษณะเด่น
1. เป็นข้าวเจ้าพื้นนุ่มไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยวสั้นกว่าพันธุ์ปทุมธานี 1 ผลผลิตเฉลี่ย 946 กิโลกรัมต่อไร่ สามารถให้ผลผลิตสูงสุด 1,124 กิโลกรัมต่อไร่ที่แปลงเกษตรกร จังหวัดสุพรรณบุรี
2.เป็นข้าวที่มีปริมาณอมิโลสต่ำ 16.84 เปอร์เซ็นต์ ข้าวสุกนุ่ม ค่อนข้างเหนียว
3. ต้านทานสูงต่อโรคไหม้ในระยะกล้า (ใบไหม้) ในเขตภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างและค่อนข้างต้านทานต่อโรคขอบใบแห้ง ในเขตภาคเหนือตอนล่าง
พื้นที่แนะนำ
พื้นที่นาชลประทานในเขตภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง
ข้อควรระวัง หรือ ข้อจำกัด
อ่อนแอมากต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล

ทำความรู้จัก
BioH95-CNT-60-1-1-1-2-1
แหล่งที่มาและประวัติพันธุ์
BioH95-CNT-60-1-1-1-2-1 ได้จากการผสมพันธ์ระหว่าง IR738349 กับ SPR91062 แล้วนำไปผสมสมกับพันธุ์ปิ่นเกษตร ที่ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และนำไปปลูกคัดเลือกแบบสืบตระกูล (pedigree selection) ที่ศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท จนได้สายพันธ์นี้
ลักษณะประจำพันธุ์
เป็นข้าวเจ้าหอมพื้นนุ่ม ไม่ไวต่อช่วงแสง ทรงกอตั้ง
ต้นสูงประมาณ 109-115 เซนติเมตร ลำต้นค่อนข้างแข็ง ข้าวเปลือกสีฟาง มีหาง อายุเก็บเกี่ยว ประมาณ 95-100 วัน เมื่อปลูกโดยวิธีหว่านน้ำตม และ 105-115 วัน โดยวิธีปักดำ คุณภาพการสีดีปริมาณอมิโลส 17.21 เปอร์เซ็นต์ ข้าวสุกนุ่มเหนียว มีกลิ่นหอม (2AP : 1.61 ppm)
ลักษณะเด่น
1. เป็นข้าวอมิโลสต่ำ ข้าวสุกนุ่มเหนียวและมีกลิ่นหอม
2.อายุเก็บเกี่ยวสั้น 95 วัน โดยวิธีหว่านน้ำตม 105 วัน โดยวิธีปักดำ
3.ผลผลิตเฉลี่ย 777 กิโลกรัมต่อไร่สามารถให้ผลผลิตสูงสุด 993 กิโลกรัมต่อไร่
4.ค่อนข้างต้านทานโรคไหม้ในระยะกล้า(ใบไหม้) ในภาคเหนือตอนล่าง
พื้นที่แนะนำ
พื้นที่นาชลประทานในเขตภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคเหนือตอนบน
ข้อควรระวัง หรือ ข้อจำกัด
ค่อนข้างอ่อนแอต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และอ่อนแอต่อโรคขอบใบแห้ง





