ธ.ก.ส.เผย โควิด- สงครามรัสเซียและยูเครน- อุทกภัย ทำยอดหนี้เสียเกษตรกรครึ่งปีบัญชี 65 พุ่ง 12.5%

ธ.ก.ส.เผยยอดหนี้เสียเกษตรกรครึ่งปีบัญชี 65 พุ่ง 12.5% หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด น้ำท่วม สงครามรัสเซียและยูเครน ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และปัญหาเงินเฟ้อ

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เปิดเผยสถานการณ์หนี้เสียของธนาคารว่า เนื่องจากเกษตรกรได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด รวมถึงสงครามรัสเซียและยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต และเงินเฟ้อ รวมทั้งสถานการณ์น้ำท่วม จึงส่งผลให้สถานการณ์หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ช่วงครึ่งปีแรกของปีบัญชี 2565/66 (เดือน เมษายน – กันยายน 2565) อยู่ที่ระดับ 12.5% จากปกติธนาคารจะมีเอ็นพีแอลไม่เกิน 10%

istockphoto 177834758 170667a
ยอดหนี้เสียเกษตรกรครึ่งปีบัญชี 65 พุ่ง

อย่างไรก็ดี ธนาคารก็จะให้ความสำคัญกับการเข้าไปดูแลด้วยการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่นยืน โดยคาดว่าจะทำให้สิ้นปีบัญชี 2565 (31 มีนาคม 2566) สัดส่วนเอ็นพีแอลจะลดลงอยู่ที่ระดับ 7%

“ยอมรับว่าสัดส่วนหนี้เสียเพิ่มสูงขึ้นเพราะ 2 ปีที่ผ่านมา เกษตรกรเผชิญภาวะข้อจำกัดด้านการเงินซึ่งหากธ.ก.ส.เข้าไปเร่งจัดเก็บหนี้ก็คงไม่ใช่ เราจึงจะเข้าไปช่วยดูแลด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งนี้ ในช่วงเดือนพ.ย.- ธ.ค.65 เกษตรกรจะมีรายได้จากการเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งจะทำให้เกษตรกรกลับมามีความสามารถในการชำระหนี้” ธนารัตน์ กล่าว

ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวอีกว่า สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานธ.ก.ส.ครึ่งแรกของปีบัญชี 2565 สามารถปล่อยสินเชื่อเพื่อดูแลเกษตรกรแล้วกว่า 3.68 แสนล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีบัญชี 2565 (31 มี.ค.65) จะสามารถปล่อยสินเชื่อได้กว่า 7 แสนล้านบาท โดยสินเชื่อสะสม ณ 30 ก.ย.65 อยู่ที่กว่า 1.6 ล้านล้านบาท และเงินฝากอยู่ที่ 1.77 ล้านล้านบาท ซึ่งมีสินทรัพย์มากกว่า 2.12 ล้านล้านบาท

ขณะที่ หนี้สินอยู่ที่ระดับ 1.974 ล้านล้านบาท ส่วนรายได้จากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ อยู่ที่ระดับ 4.2 หมื่นล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการดำเนินงานของแบงก์อยู่ที่ประมาณ 4.1 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิครึ่งแรกของปี 2565 อยู่ที่ 1.38 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ประมาณ 50 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีบัญชี 2565 จะมีกำไรสุทธิ 7 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ในภาวะที่แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น สถาบันการเงินของรัฐยังยืนยันที่จะตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) 2 ครั้งที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ก็ยังตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ช่วยเหลือลูกหนี้เกษตรกรอยู่ รวมทั้งแบงก์รัฐทุกแห่งด้วย และจะรอติดตามสถานการณ์การประชุม กนง.อีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย.65 หาก กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ประเมินแล้วไม่กระทบแบงก์ ธนาคารก็จะยังตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ให้นานที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาหนี้สินของเกษตรกรไทยเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน ข้อมูลล่าสุดของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ้งภากรณ์พบว่า ร้อยละ 90 ของเกษตรกรไทยเป็นหนี้ ส่วนใหญ่เป็นหนี้ในระบบ เกษตรกรแต่ละครัวเรือนมีหนี้เฉลี่ยประมาณ 2.8 กองหนี้ โดยเกษตรกรร้อยละ 72 เป็นหนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (หรือ ธกส.) ร้อยละ 63 เป็นหนี้กองทุนหมู่บ้าน ร้อยละ 25 เป็นหนี้เช่าซื้อ (เช่น รถจักรยานยนต์ รถยนต์) และร้อยละ 17 เป็นหนี้สหกรณ์ และประมาณร้อยละ 20 เป็นหนี้นอกระบบ