กรมส่งเสริมการเกษตรเตือนเกษตรกร เฝ้าระวัง’โรคราน้ำค้าง’ช่วงอากาศเย็น

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าช่วงนี้มีมวลอากาศเย็นปกคลุมประเทศไทยตอนบน และมีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดมาปกคลุมบริเวณอ่าวไทย ทำให้โดยรวมอากาศเย็นและบางพื้นที่ยังคงมีฝนตก กรมส่งเสริมการเกษตร จึงขอฝากเตือนไปยังพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ ควรหมั่นดูแลและสำรวจแปลงเพาะปลูกพืชอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเข้าทำลายของโรคราน้ำค้าง (Downy mildew) ซึ่งเป็นโรคพืชที่พบการระบาดมากในช่วงอากาศเย็น ความชื้นสูง และฝนตก ทำให้เชื้อราสาเหตุโรคสามารถแพร่ระบาดได้ดีไปกับ ลมและน้ำฝน หรือเครื่องมือทางการเกษตร และการเคลื่อนย้ายพืชปลูก 

ดังนั้น เมื่อเกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ต้องกำจัดเศษซากพืช และวัชพืชในแปลง โดยนำออกไปทำลายนอกแปลงทันที เพื่อไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยข้ามฤดูของเชื้อราสาเหตุได้ 

นอกจากนี้ เกษตรกรควรปลูกพืชอื่นหมุนเวียน ใช้เมล็ดพันธุ์ดีมีคุณภาพจากแหล่งปลอดโรค โดยแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่นอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส นาน 20-30 นาที หรือคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น เมทาแลกซิล 35% DS อัตรา 7 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม หรือ เมทาแลกซิล-เอ็ม 35% ES อัตรา 3.5 มิลลิลิตรต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม หรือ ไดเมโทมอร์ฟ 50% WP อัตรา 30 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์1 กิโลกรัม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค 

รวมทั้งไม่ปลูกพืชในระยะชิดกันเกินไป เพื่อช่วยระบายอากาศและความชื้นในแปลง หลีกเลี่ยงการให้น้ำในตอนเย็น หรือช่วงอากาศเย็นมีความชื้นสูง และหมั่นสำรวจแปลงปลูกอยู่เสมอ

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคราน้ำค้างสามารถเข้าทำลายพืชได้หลายชนิด เช่น พืชตระกูลแตง พืชตระกูลกะหล่ำและผักกาด ข้าวโพด และองุ่น เป็นต้น 

โดยเชื้อราสาเหตุของโรคราน้ำค้าง มักฝังอยู่ในเศษซากพืชที่ตกค้างในแปลง วัชพืช รวมทั้งพืชอาศัยอื่นและสามารถมีชีวิตอยู่ในดินได้นานหลายปี โดยจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอุณหภูมิค่อนข้างต่ำประมาณ  18 – 25 องศาเซลเซียส และมีความชื้นในแปลงสูง 

F1805F1E A0DD 457C 9373 FF4DE634124A

หากเข้าทำลายพืชปลูกจะสร้างความเสียหายได้ทุกระยะการเจริญเติบโต ทำให้ผลผลิตพืชลดลง รวมถึงขนาดและคุณภาพลดลงด้วย หากอาการรุนแรงจะทำให้ใบเหลืองและแห้งตายทั้งต้น สำหรับวิธีการสังเกตและสำรวจเพื่อป้องกันโรคราน้ำค้างในแปลงปลูก 

ขอแนะนำให้เกษตรกรหมั่นสำรวจแปลงปลูกในช่วงเช้าเนื่องจากมีอากาศค่อนข้างเย็นและมีความชื้นสูงโดยพลิกดูใต้ใบพืช หากพบเส้นใยสีขาวหรือเทาคล้ายปุยฝ้าย หรือจุดแผลรูปสี่เหลี่ยม ให้ป้องกันกำจัดทันทีโดยพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น ไดเมโทมอร์ฟ 50% WP อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตรหรือ เมทาแลกซิล 25% WP อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร 

โดยพ่นให้ทั่วทั้งด้านบนใบและใต้ใบ ทุก 5-7 วัน และหากพบปัญหาเกี่ยวกับศัตรูพืชเข้าทำลาย สามารถขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอ หรือสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน

5FEA6404 A434 488A 9899 0D8A3250F1C4