ธรรมนัส เตรียมเอาผิด ขรก.ออกเอกสารสิทธิ สปก.ทับอุทยาน – พร้อมให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบเส้นทางการเงิน

Screenshot 1232

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตอบกระทู้ถามสดของนายนายอภิชาติ ศิริสุนทร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ตั้งกระทู้ถามสดถึงกรณีการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.ทับซ้อนที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา จนกลายเป็นข้อพิพาทขัดแย้งระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และ ก.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่า สำหรับพื้นที่พิพาทนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นที่ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาเพียงจุดเดียว แต่เกิดขึ้นทั่วประเทศ เนื่องจากหน่วยงานของรัฐในแต่ละกระทรวงต่างอ้างแผนที่ของตัวเอง โดย ก.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้อ้างพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2505 ในขณะที่ ส.ป.ก.ยึดพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานไม่ใช่ผู้ผิด

Screenshot 1233

“แต่ในปี 2538 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น ได้มีการออกถนนแนวเขตกันไฟ หรือ บัฟเฟอร์โซน เพื่อเป็นถนนลาดตระเวน แต่ไม่ได้ออกเป็นพระราชกฤษฎีกา จึงเป็นข้อถกเถียงในขณะนี้ว่า เป็นพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่ ขนาดศาลากลางจังหวัดพะเยา ยังอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ หน่วยราชการยังเถื่อน อาศัยอยู่ในที่ดินเถื่อน จึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูป ด้วย One Land One Law เพื่อใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน คือรัฐธรรมนูญ 2560 และมีแผนที่ฉบับเดียวกันทั้งประเทศ เพื่อไม่ให้ต่างหน่วยงาน ต่างมีแผนที่ของตนเอง มิเช่นนั้น ปัญหาจะไม่จบ”

Screenshot 1236

ร้อยเอกธรรมนัส ยังเปิดเผยด้วยว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กรมแผนที่ทหาร มาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหา จนนำไปสู่การแถลงเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน แต่ต่างฝ่ายก็ยังยึดแผนที่ของตนเอง ดังนั้น จึงต้องแก้ด้วย One Land One Law หรือให้หน่วยงานกลาง หรือกระทรวงกลาโหมจัดทำแผนที่กลาง หรือ One map แต่แผนที่ที่กรมแผนที่ทหาร รายงานไปยังนายกรัฐมนตรีนั้น ยังไม่จบขั้นตอน และยังไม่มีผลบังคับใช้ เพราะรอคณะอนุกรรมการ One Map ดำเนินการใหม่ ซึ่งทั้งกรมอุทยานฯ และ ส.ป.ก.ก็ได้ทำข้อตกลงที่จะรอความชัดเจนจาก One Map ก่อน แต่ในระหว่างนี้ต่างฝ่าย ต่างถอยคนละก้าว และตนได้สั่งการให้ถอนเอกสาร ส.ป.ก. 4-01 ในพื้นที่พิพาททั้ง 5 ฉบับ พร้อมสั่งห้ามเข้าพื้นที่ และตั้งคณะกรรมการสอบสวนการออกเอกสารสิทธิดังกล่าว และย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับมายังส่วนกลาง ทั้ง 6 นาย เพราะตนได้ข้อมูลว่า อาจมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ พร้อมสั่งที่ปรึกษา ไปแจ้งความดำเนินคดี ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตมิชอบ หรือ ปปป.

Screenshot 1235

“และวันพรุ่งนี้ (8 มี.ค.) ผมจะให้ เลขาธิการ ส.ป.ก. ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน และนำทรัพย์สินคืนสู่แผ่นดินทั้งหมด และพื้นที่พิพาท จะต้องรักษาไว้ให้เป็นพื้นที่ป่า แต่จะเป็นป่าประเภทใด ก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานทั้ง 2 หน่วยงานจะตกลงกัน พร้อมเห็นว่า ปลัดทั้ง 2 กระทรวง จะต้องให้เจ้าหน้าที่ของตนหยุดตอบโต้กันได้แล้ว”

Screenshot 2024 03 07 133048

ส่วนเคยได้รับรายงานจาก ส.ป.ก.เรื่องกรมอุทยานฯ คัดค้านการปักหมุด ส.ป.ก. ถึง 2 ครั้ง เมื่อเดือนตุลาคมปี 2566 และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ สคทช. เคยทำหนังสือสอบถามถึงเรื่องเดียวกันถึง 2 ครั้ง หรือไม่นั้น ร้อยเอกธรรมนัส ย้ำว่า เรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง หากย้อนไปถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 นั้น เริ่มมีการปักหมุด จนมาถึงกระบวนการออกเอกสิทธิ​ ใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งส่อพิรุธว่าจะมิชอบ แต่ตนไม่ได้รับรายงาน และหลังจากนั้น จึงพบว่า ส่อพิรุธ จึงต้องมีการดำเนินคดีกับผู้ดำเนินการ นำไปสู่การโยกย้ายเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.นครราชสีมา ทั้งหมด 6 คน ดำเนินคดีทั้งทางอาญา และทางวินัย พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่ได้นิ่งเฉย และได้สั่งการให้หยุดดำเนินการทั้งหมด และหลังจากที่เกิดปัญหา และยืนยันว่า ตนเองไม่มีเจตนารังแกข้าราชการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง เพราะทั้ง 2 กระทรวงมาจากพรรคการเมืองเดียวกัน และยืนยันว่า ทั้ง 2 กระทรวง ไม่มีข้อพิพาทกันตามที่เป็นกระแสข่าว ดังนั้น การแก้ปัญหา เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่รายงาน ก็ถือว่าผิด

Screenshot 1237

ส่วนยังมีอีกกี่อุทยานที่เป็นพื้นที่พิพาท และจะแนวทางจะป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตการจัดสรรที่ดิน และการสร้างความน่าเชื่อถือให้กลับมาได้อย่างไรนั้น ร้อยเอกธรรมนัส ยอมรับว่า ที่ดินที่ทับซ้อนพื้นที่ ส.ป.ก.มีอีกมาก ซึ่งประชาชนทั้งกลุ่มพีมูฟ, ประชาชน 4 ภาค และสมัชชาคนจน ที่ถูกดำเนินคดีก็เป็นเรื่องที่ดินทำกิน ดังนั้น หากพบว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ก็จะต้องถูกลงโทษ หรือ ไม่รายงานตนก็จะถูกลงโทษ แต่จะไม่เหมารวมว่า นโยบายปฎิรูป​ที่ดินจะล้มเหลว และเลขาธิการ ส.ป.ก.ต้องทำงานหนักกว่าเดิม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกร และกระทรวงเกษตรฯ ก็ต้องฟังเสียงประชาชนด้วย

“ซึ่งสิ่งที่กำลังแก้ปัญหานั้น ไม่ใช่เฉพาะที่เขาใหญ่เพียงที่เดียว แต่เกิดกับทุกที่ที่จะมีการปฏิรูปที่ดิน หรือ เป็นที่ดินของรัฐ ดังนั้น ต้องมาทบทวนถอดบทเรียนจากที่ดินเขาใหญ่ ซึ่งตนเองได้สั่งการเป็นนโยบายว่า ต่อไปนี้พื้นที่ทับซ้อน ระหว่างอุทยานกับ ส.ป.ก.ห้ามจัดให้ประชาชนเด็ดขาด เพราะการแก้ปัญหาช้างป่า ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แล้วยังไปจัดสรรที่ดินให้เกษตรทำกินติดอุทยานซึ่งไม่ควรทำ จึงขอถามจิตสำนึก และยังไม่สามารถคุมชาวบ้านได้ เพราะอาจมีการบุกรุกเพิ่มเติม ดังนั้น ตนจึงต้องลงโทษข้าราชการเหล่านี้ เพราะคนจัญไรมีเยอะ ข้าราชการที่ชั่ว ๆ แบบนี้ต้องถูกลงโทษ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับข้าราชการต่อไป และตนเองจะให้ ปปง.มาตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดด้วย ซึ่งตนเองจะไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เพราะตนจะเอาคืน เนื่องจากเป็นที่ดินของรัฐ”

ทั้งนี้ตลอดการตอบกระทู้ถามของ ร.อ.ธรรมนัสนั้น ได้ชี้แจงอย่างมีอารมณ์ และในระหว่างการชี้แจงของร้อยเอกธรรมนัส ยังมีเสียงสัญญาณไซเรนเพลิงไหม้ลั่นขึ้น ทำให้ร้อยเอกธรรมนัส แซวว่า สงสัยตนเองจะไฟแรง

ธรรมถ