เตรียมยื่นขอประทานบัตรฯ“เหมืองแร่โพแทช”จ.อุดรธานี

ครม.รับทราบผลการดำเนินการสำรวจแร่โพแทช จ.อุดรธานี ขั้นต่อไป ยื่นขอประทานบัตรจากกระทรวงอุตสาหกรรม

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565 ว่า ครม.รับทราบผลการดำเนินงานของบริษัท เอเชีย แปซิฟิค โปแตซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หลังได้รับสิทธิสำรวจแร่โพแทชในจังหวัดอุดรธานี เพื่อดำเนินการขอประทานบัตรจากกระทรวงอุตสาหกรรมต่อไป สำหรับการดำเนินงานของบริษัท เอเชีย แปซิฟิคฯ ที่ผ่านมาประกอบด้วย

1.รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) มีมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ เช่น1)การควบคุมวิธีการทำเหมืองให้มีความมั่นคงแข็งแรงไม่ให้เกิดการทรุดตัวที่เป็นอันตรายต่อโครงสร้างที่อยู่อาศัยบนผิวดิน 2)มาตรการการจัดการกองเกลือ ฝุ่นเกลือ และน้ำเค็มของโครงการ

2.การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) ทางตัวแทนกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง ร้อยละ 63 เลือกที่จะให้มีการพัฒนาโครงการทำเหมืองบางพื้นที่อย่างมีเงื่อนไข กล่าวคือ มีมาตรการเพื่อลดกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน มีการจัดสรรค่าภาคหลวงแร่มาใช้พัฒนาชุมชนอย่างเหมาะสม และผู้ได้รับผลกระทบจะต้องได้รับค่าชดเชยที่เหมาะสม 

3.การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 โดยล่าสุดเมื่อเดือน เม.ย.2559 จัดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีประชาชนเข้าร่วมประมาณ 2,000 คน มีผู้ไม่เห็นด้วยประมาณ 100 คน แต่ไม่ได้เป็นการลงมติ จึงไม่มีผลต่อการพิจารณาดำเนินโครงการ และในปี 2562 คณะกรรมการกำหนดเงินค่าทดแทนได้พิจารณากำหนดกรอบวงเงินค่าทดแทนกรณีมีการทำเหมืองใต้ดินให้แก่เจ้าของที่ดิน วงเงินรวม 1,200 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเอเชีย แปซิฟิคฯ เป็นผู้รับผิดชอบ 

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า พื้นที่เหมืองแร่โพแทช ของบริษัท เอเชีย แปซิฟิคฯ ที่ได้สำรวจแล้วมีจำนวน 4 แปลง อยู่ในพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี มีพื้นที่เหมืองใต้ดินประมาณ26,446 ไร่ และพื้นที่บนดินประมาณ 1,681 ไร่ 

หากเหมืองแร่โพแทชเปิดดำเนินการได้ คาดการณ์ว่าจะสามารถสกัดโพแทชเซียมคลอไรด์ได้ประมาณ 2 ล้านตันต่อปี จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าแร่โพแทชเพื่อใช้ผลิตปุ๋ยจากต่างประเทศได้ ปัจจุบันไทยนำเข้าแร่โพแทชประมาณปีละ 800,000 ตัน มีมูลค่านำเข้าสูงถึง 7,600-10,000 ล้านบาท 

ทั้งนี้ มีอีก 2 บริษัทที่ได้รับประทานบัตรทำเหมืองแล้ว คือ บริษัทเหมืองแร่โปแตชอาเซียน จำกัด (มหาชน) จังหวัดชัยภูมิ และบริษัท ไทยคาลิ จำกัด จังหวัดนครราชสีมา แต่ยังไม่ได้เปิดการทำเหมือง

ด้าน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันนี้ (28 มิ.ย.) เห็นชอบให้เดินหน้าโครงการเหมืองแร่โพแทช จังหวัดอุดรธานี ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ 

โดยขั้นตอนจากนี้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จะไปเร่งออกประทานบัตรต่อไป โดยโครงการนี้ เชื่อว่า จะเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาการขาดแคลนปุ๋ยให้กับเกษตรกรในระยะยาวต่อไป  

ที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และส่วนราชการตามกฎหมายแล้ว รวมทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังได้พิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ซึ่งก็พบว่าเป็นไปตามข้อกำหนด จึงได้เสนอเข้ามาในครม.เพื่อพิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง

ทั้งนี้ หลังจากโครงการเหมืองแร่โพแทช จังหวัดอุดรธานี ได้ผ่านการเห็นชอบจากครม.แล้ว ขั้นตอนต่อไปจะไปเร่งออกประทานบัตร ซึ่งภาคเอกชนก็อยากทำให้เร็วที่สุด คาดว่าอย่างเร็วที่สุดภายใน 6 เดือน หรือ1 ปีก็คงเริ่มต้นดำเนินการได้ ซึ่งเหมืองแร่แห่งนี้มีปริมาณการผลิตอยู่ที่ 2 ล้านตันต่อปี

ในส่วนของโครงการเหมืองแร่โพแทช จังหวัดอุดรธานีนั้น ถือเป็นเหมืองแร่ขนาดใหญ่ โดยเหมืองดังกล่าว มีแผนการผลิต 2 ล้านตันต่อปี โดยประเมินว่า จะมีปริมาณการผลิตตลอดอายุโครงการ 25 ปี อยู่ที่33.67 ล้านตัน 

เบื้องต้นมีมูลค่าการลงทุนของโครงการประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท โดยที่ผ่านมา บริษัท เอเซีย แปซิฟิคโปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ยื่นขอประทานบัตรแล้ว รอขั้นตอนการอนุมัติจาก ครม.ให้เดินหน้าได้ และนำไปสู่การออกใบประทานบ้ตรเพื่อดำเนินการทำเหมืองในพื้นที่ทั้งบนดินและใต้ดิน