โฆษกรัฐบาลย้ำ รบ.ให้ความสำคัญกำหนดทรัพยากรน้ำเป็นวาระแห่งชาติ ส่งผลเกิด 44 โครงการสำคัญระดับประเทศ ทำให้ไม่มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้งปี 64/65

โฆษกรัฐบาลย้ำ รัฐบาลให้ความสำคัญกำหนดทรัพยากรน้ำเป็นวาระแห่งชาติ วางแผนการบริการจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศอย่างเป็นระบบครบวงจร ส่งผลให้เกิด 44 โครงการสำคัญระดับประเทศ รวมทั้งการจัดทำผังน้ำเสร็จไป 8 ลุ่มน้ำ เช่น ผังน้ำลุ่มน้ำชี มูล เจ้าพระยา และท่าจีน และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 6 โครงการ เช่น ผังน้ำลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน พร้อมกำหนดมาตรการรองรับฤดูฝน ฤดูแล้ง รวมถึงการป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ปี 64/65 ไม่มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้ง

วันที่ 29 มกราคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับทรัพยากรน้ำและกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ

IMG 64298 20230129092550000000 scaled
นายอนุชา บูรพชัยศรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

โดยมีการกำหนดนโยบายวางแผนการบริการจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศอย่างเป็นระบบครบวงจร ทำให้การขับเคลื่อนการบูรณาการการบริหารจัดการน้ำของภาครัฐในปัจจุบันมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์หลายด้านทั้งการตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2560 เพื่อเป็นองค์กรกลางด้านน้ำ มีภารกิจครอบคลุมการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบและขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำภายใต้พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 และแผนแม่บททรัพยากรน้ำ 20 ปี ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย พร้อมกับการยกระดับองค์ความรู้ผ่านทางความร่วมมือระหว่างประเทศ

321807600 558336165821362 7571354151618445340 n
จัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบครบวงจร

รวมไปถึงการปรับปรุงแผนแม่บทน้ำ การขับเคลื่อนโครงการสำคัญระดับประเทศโดยผลักดันสู่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ กนช. ถึง 44 โครงการ การกำหนดมาตรการรองรับฤดูฝน ฤดูแล้ง การจัดทำกฎหมายลำดับรองที่แล้วเสร็จไป 25 ฉบับ การจัดตั้งคณะกรรมการลุ่มน้ำ การก่อตั้งองค์กรผู้ใช้น้ำ การจัดทำผังน้ำเสร็จไป 8 ลุ่มน้ำ เช่น ผังน้ำลุ่มน้ำชี มูล เจ้าพระยา และท่าจีน และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 6 โครงการ เช่น ผังน้ำลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน การทำแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น Thai water plan (TWP), Thai Water Assessment (TWA), National Thai water เป็นต้น

นายอนุชาฯ กล่าวย้ำว่า นอกจากนี้ยังมีการดำเนินการซึ่งมีความก้าวหน้าที่ใกล้เข้าสู่ความสำเร็จในหลายด้าน ทั้งด้านแผน เช่น ปรับปรุงกรอบแนวทางและค่าเป้าหมายแผนแม่บทน้ำ 20 ปี เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการใช้ธรรมชาติเป็นฐาน ซึ่งแผนแม่บทที่ได้มาจะขยายผลไปในแผนแม่บทลุ่มน้ำที่จะเชื่อมโยงระดับพื้นที่ไปสู่แผนปฏิบัติการ ด้านบูรณาการจัดการน้ำ เช่น ใช้การบริหารจัดการน้ำแบบกลุ่มภูมิภาคและลุ่มน้ำ รวมถึงเน้นการป้องกันเชิงรุก ซึ่งการขับเคลื่อนมาตรการฤดูแล้ง ปี 64/65 ส่งผลให้มีการเพาะปลูกเกินแผนเพียง 1.69 ล้านไร่ เมื่อเทียบกับฤดูแล้ง ปี 63/64 ที่มีการเพาะปลูกเกินแผนมากกว่า 4.3 ล้านไร่ มูลค่าความเสียหายน้อยลง รวมถึงการป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปี 64/65 ไม่มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้ง

“ภายใต้ความท้าทายของสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง รัฐบาลได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดและมีความห่วงใยผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งยังคงมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่นั้น นายกรัฐมนตรีก็ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการระบายน้ำให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ รวมทั้งให้ดำเนินการตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝน เพื่อเตรียมการเข้าสู่ฤดูฝนของพื้นที่ภาคใต้ด้วย อย่างไรก็ตามแม้ว่าปีนี้จะมีปริมาณน้ำต้นทุนมากในทุกพื้นที่ และมีโอกาสเสี่ยงขาดแคลนน้ำน้อย นายกรัฐมนตรีก็ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้ง ตามที่ กนช. ได้เห็นชอบแล้วอย่างเคร่งครัดอีกด้วย” นายอนุชาฯ กล่าว