เมื่อเราเข้าใจแล้วว่า “คาร์บอนเครดิต” คืออะไร (ตอนที่ 1) และรู้วิธีเริ่มต้นให้ถูกต้อง (ตอนที่ 2)
ขั้นตอนสุดท้ายคือ เปลี่ยนสิ่งที่ทำและข้อมูลที่เก็บไว้ ให้กลายเป็นเครดิตที่ขายได้จริง ✅
กระบวนการนี้ไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด หากเข้าใจเป็นขั้นตอน ทีละก้าวก็ทำได้ง่ายมาก 👇
1️⃣ เก็บข้อมูล “Baseline” — จุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด
Baseline คือข้อมูล “ก่อนเริ่มโครงการ” ที่ใช้เป็นจุดอ้างอิงเพื่อวัดว่า หลังจากเราทำโครงการแล้ว ลดหรือดูดซับคาร์บอนได้ “มากขึ้นแค่ไหน”
📒 ตัวอย่างเช่น
ปีที่แล้วยังเผาตอซัง 3 ครั้ง → ปล่อยคาร์บอน 10 ตัน
ปีนี้ไม่เผาเลย แต่หมักเศษพืชเป็นปุ๋ย → ปล่อยเหลือ 2 ตัน
✅ ความแตกต่าง 8 ตันนี้คือสิ่งที่จะกลายเป็น “คาร์บอนเครดิต”
สิ่งที่ควรเก็บเป็น baseline ได้แก่
จำนวนครั้งที่เคยเผา
ปริมาณปุ๋ยเคมีที่เคยใช้
วิธีจัดการเศษพืชและน้ำในอดีต
ปริมาณพลังงานที่เคยใช้ก่อนเปลี่ยนวิธี
📌 ข้อควรรู้: ถ้าไม่มี baseline จะ “คำนวณเครดิตไม่ได้” เลย เพราะไม่รู้ว่าเราลดลงจริงเท่าไร
2️⃣ จัดทำเอกสารโครงการ (PDD)
เมื่อมีข้อมูล baseline แล้ว ขั้นต่อไปคือการทำ Project Design Document (PDD) หรือ “แผนโครงการ” ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ตลาดใช้พิจารณาเครดิตของเรา
📑 สิ่งที่ควรมีใน PDD ได้แก่
ข้อมูลทั่วไปของพื้นที่และเจ้าของ
กิจกรรมที่จะดำเนินการ (ปลูกต้นไม้, งดเผา ฯลฯ)
วิธีการ (Methodology) ที่เลือกใช้ (เช่น T-VER, Verra, Gold Standard)
ข้อมูล baseline
วิธีติดตาม ตรวจวัด และรายงานผล
💡 ถ้าเกษตรกรทำเองไม่ถนัด สามารถให้ “ที่ปรึกษา” หรือ “บริษัทเอกชน” ช่วยทำได้ (บางแห่งมีค่าใช้จ่าย) หรือรวมกลุ่มกับเกษตรกรรายอื่นเพื่อแชร์ต้นทุนก็ได้เช่นกัน
💡 ถ้าเกษตรกรทำเองไม่ถนัด สามารถให้ “ที่ปรึกษา” หรือ “บริษัทเอกชน” ช่วยทำได้ (บางแห่งมีค่าใช้จ่าย) หรือรวมกลุ่มกับเกษตรกรรายอื่นเพื่อแชร์ต้นทุนก็ได้เช่นกัน
3️⃣ ตรวจสอบโดยหน่วยงานอิสระ (VVB)
เมื่อจัดทำ PDD เสร็จแล้ว ขั้นต่อไปคือให้หน่วยงานตรวจสอบอิสระ หรือ VVB – Validation and Verification Body เข้ามาตรวจสอบความถูกต้องทั้งหมด
🔎 สิ่งที่ VVB ตรวจสอบ ได้แก่
ข้อมูล baseline ถูกต้องหรือไม่
กิจกรรมที่ทำจริงตรงกับ PDD หรือไม่
วิธีคำนวณและผลการลด/ดูดซับคาร์บอนถูกต้องไหม
เอกสารครบถ้วนตามมาตรฐานหรือไม่
📌 ปัจจุบัน กรมวิชาการเกษตร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “หน่วยตรวจสอบ (VVB)” ภายใต้โครงการ T-VER ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) แล้ว เกษตรกรสามารถติดต่อกรมฯ เพื่อเข้ามาตรวจวัดและรับรองได้โดยตรง ✅
4️⃣ ขึ้นทะเบียนโครงการกับหน่วยงานที่รับรอง
หลังผ่าน VVB แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการ ขึ้นทะเบียนโครงการ กับหน่วยงานมาตรฐานที่เราต้องการขายเครดิต เช่น
🇹🇭 T-VER (อบก.) – สำหรับตลาดภายในประเทศไทย
🌍 Verra (VCS) หรือ Gold Standard – สำหรับตลาดต่างประเทศ
📍 เมื่อโครงการได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว “คาร์บอนเครดิต” จะถูกออกให้กับเราอย่างเป็นทางการ
5️⃣ ขายคาร์บอนเครดิต — เปลี่ยนเครดิตเป็นรายได้
เมื่อได้รับเครดิตแล้ว เราก็พร้อม “ขาย” ได้เลย โดยมีหลายช่องทาง เช่น
🏭 ขายตรงให้บริษัท ที่ต้องการเครดิตเพื่อชดเชยการปล่อย
📊 ขายผ่านโครงการรวมเครดิต ที่รวบรวมเครดิตจากเกษตรกรหลายราย
🤝 ขายผ่านตลาดออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอน
💡 หากรวมกลุ่มเกษตรกร เครดิตจะมีจำนวนมากขึ้นและต่อรองราคาได้ดีกว่าขายรายบุคคล
📍 สรุปภาพรวมเส้นทาง “ข้อมูลสู่เงิน”
1️⃣ เก็บ baseline → จุดเปรียบเทียบก่อนเริ่มโครงการ
2️⃣ จัดทำ PDD → เอกสารโครงการตามมาตรฐาน
3️⃣ ให้ VVB ตรวจสอบ → ยืนยันความถูกต้อง
4️⃣ ขึ้นทะเบียนกับ อบก. หรือมาตรฐานสากล → ได้รับเครดิต
5️⃣ ขายเครดิตในตลาด → รับเงินทุกปี
💡 สิ่งสำคัญที่สุดที่อยากให้จำคือ…
“แค่ปลูกต้นไม้ หรือหยุดเผา ยังไม่พอให้ขายได้”
“แต่ถ้าเราทำทุกขั้นตอนเป็นระบบ เก็บข้อมูลครบ ตรวจสอบผ่าน และขึ้นทะเบียนถูกต้อง — สิ่งที่เราทำในไร่จะกลายเป็น ‘ทรัพย์สิน’ ที่ขายได้จริง”





