นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือน เรื่อง อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทย ซึ่งจะมีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 22-25 ธันวาคม 2566 ทำให้บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยภาคเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 4-7 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณภูมิจะลดลง 3–5 องศาเซลเซียส ภาคกลาง และภาคตะวันออกอุณภูมิจะลดลง 2–4 องศาเซลเซียส ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและภาคใต้ตอนบน อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยของภาคเหนือมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 2-10 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง ส่วนยอดภูของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-13 องศาเซลเซียส
กรมส่งเสริมการเกษตรจึงขอแนะนำว่า ในช่วงที่อุณหภูมิลดลงอย่างกระทันหันเช่นนี้ จะทำให้พืชผักปรับตัวไม่ทัน อาจส่งผลทำให้พืชผักป่วย หรือไม่แข็งแรง และมีโอกาสทำให้เกิดโรค โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากเชื้อราเข้าทำลายได้ เนื่องจากในช่วงที่มีสภาพอากาศเย็น อากาศจะมีความชื้นมากกว่าสภาพปกติ ซึ่งเป็นสภาพที่เชื้อโรคต่างๆ เจริญเติบโตได้ดี แต่อย่างไรก็ตาม เกษตรกรยังควรต้องรดน้ำพืชผักให้เพียงพอ แต่ไม่มากจนเกินไป ควรหลีกเลี่ยงการรดน้ำในช่วงที่มีแดดจัด และรดน้ำในช่วงเช้าและช่วงเย็นที่แสงแดดไม่จัดแทน
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า เกษตรกรควรหมั่นดูแลพืชสวนไร่นาของตนเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศมีความแปรปรวน จำเป็นต้องสังเกตความผิดปกติของพืชที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะได้หาวิธีการรักษา หรือหาวิธีป้องกันได้อย่างทันท่วงที ไม่ส่งผลกระทบหรือสร้างความเสียหายให้กับผลผลิต และด้วยสภาพอากาศแปรปรวนดังกล่าว กรมส่งเสริมการเกษตรมีความห่วงใยในสุขภาพอนามัยของพี่น้องเกษตรกรเช่นกัน เพราะนอกจากเกษตรกรจะต้องหมั่นดูแลพืชสวนไร่นาของตนเองแล้ว ควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงด้วย ทั้งนี้ หากเกษตรกรท่านใดต้องการคำแนะนำการปลูก วิธีการดูแลรักษาพืชเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอและสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้านท่าน