”อึ่งเพ้า“ ลักษณะทั่วไป ลำตัวมีสีดำหรือน้ำตาลอมเทาแผ่นหลังและขามีแต้มสีหรือจุดสีน้ำตาลกระจายอยู่ทั่วไป ท้องสีขาวและบางส่วนมีแต้มลายเมฆ เพศผู้มีขนาดเล็ก มองเห็นลายสีส้มเหลืองชัดเจน แหล่งที่อยู่อาศัยแพร่กระจายอยู่ตามที่ราบเชิงเขาแถบจังหวัดลำพูน ลำปางและตาก โดยเฉพาะพื้นที่ป่าเต็งรังลักษณะเป็นดินทราย สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 500-700 เมตร

ช่วงเป็นลูกอ๊อดกินตัวอ่อนแมลง ช่วงขึ้นบกกินปลวกและตัวอ่อนของแมลง ช่วงฝังตัวอยู่ในดิน กินปลวกเป็นอาหาร หากินเวลากลางคืน ผสมพันธุ์และวางไข่ในช่วงต้นฤดูฝน สถานภาพไม่ได้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราช บัญญัติสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองพ.ศ. 2535
สำหรับสถานภาพเพื่อการอนุรักษ์เป็นสัตว์ป่าใกล้ถูกคุกคามตามเกณฑ์ของ Office of Natural Resources and Environmental Policy and Planning (2005) แต่ไม่มีสถานภาพเพื่อการอนุรักษ์ตามเกณฑ์ของ IUCN (2008) เป็นชนิดที่ถูกชาวบ้านจับเพื่อบริโภคและเพื่อค้าขายในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ อึ่งเพศเมียที่มีไข่ ซึ่งจะออกมาวางไข่เพียงครั้งเดียวทำให้ประชากรลดลงอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
ผลจากการเพาะอึ่งเพ้าในเชิงอนุรักษ์ ของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดลำพูน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน มีผลทำให้ปริมาณอึ่งเท้าในธรรมชาติแพร่กระจายเพิ่มขึ้นในหลายหมู่บ้าน เช่นบ้านหล่ายสาย บ้านดอนชัย บ้านหนองยางฟ้า บ้านกอลุงบ้านแม่สะป๊วด บ้านหนองยางไคล บ้านหมื่นข้าว บ้านเหมืองลึก บ้านทาทุ่งหลวง บ้านทากาศลำหมู่บ้านจำตาเหิน อำเภอแม่ทา ทำให้เกิดแหล่งอาหารด้านโปรตีน และเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ให้กับขาวบ้านในเขตอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน
อึ่งเพ้าหรืออึ่งปากขวด ได้รับการประกาศให้เป็นสัตว์น้ำประจำจังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2558
สัตว์น้ำประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน “กบภูเขา หรือ เขียดแลว” ชื่อท้องถิ่น กบทูต (ภาคใต้) เขียดแลว (ภาคเหนือ)
“เขียดแลว” หรือ “กบทูต” เป็นกบภูเขาชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกพบตามบริเวณภูเขาสูงในประเทศไทยแถบภาคเหนือ ภาคกลาง บริเวณลำธารภูเขาที่มีป่าชุ่มชื้น มีอากาศเย็นความชื้น สัมพัทธ์สูง และมีหมอกมาก ส่วนภาคใต้จะพบตามแถบป่าสวนยางและป่าชุ่มชื้นที่มีแหล่งน้ำลำธาร

ปัจจุบัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประกาศให้เขียดแลวเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎกระทรวงฉบับที่ 4 (2537)ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2537 ตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 กรมประมงได้เริ่มดำเนินการศึกษาวิจัยเขียดแลวและประสบความสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์ที่ สถานีประมงน้ำจืดจังหวัดแม่ฮ่องสอน มาตั้งแต่ปี 2530 ปัจจุบันสามารถผลิตลูกเขียดแลวได้ในปริมาณ 50,000 ตัวต่อปี และได้นำลูกเขียดแลวที่เพาะพันธุ์ได้ในแต่ละปีปล่อยลงในแหล่งธรรมชาติเพื่ออนุรักษ์พันธุ์และได้ขยายผลดังแนวทางตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานให้กรมประมง เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พุทธศักราช 2534 ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ คือ “ให้กรมประมงดำเนินการเพาะขยายพันธุ์ปลาในแม่น้ำปาย และพันธุ์เขียดแลว เพื่อปล่อยคืนสู่ธรรมชาติและศึกษาทดลองเพื่อขยายผล ไปสู่ราษฎรต่อไป
“กบภูเขา หรือ เขียดแลว” ได้รับคัดเลือกเป็นสัตว์น้ำประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558
สัตว์น้ำประจำจังหวัดศรีสะเกษ “กบนา”
“กบนา” เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำชนิดหนึ่ง ลักษณะลำตัวค่อนข้างผอม ขายาวเรียว ผิวหนังบนหลัง มีสีเขียวจุดดำ มีร่องเป็นสันตามยาวหลายแนว ด้านท้องเป็นสีขาว ตัวเต็มวัยความยาวตั้งแต่ช่วงปากถึงก้น 6.5 – 8.5 นิ้วเท้าเป็นพังผืดติดกันคล้ายเป็ด ตากลมโตปูดออกมานอกผิวหนัง แหล่งอาศัย ตามท้องนาและแหล่งที่มีน้ำขังทั่วไป ห้วย หนอง คู คลอง บึง รวมทั้งบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ ในช่วงฤดูแล้งจะจำศีลอยู่ในรู สำหรับในประเทศไทยพบได้ทุกภาค กินแมลงและตัวอ่อนของแมลง รวมทั้งสัตว์น้ำขนาดเล็กๆ

“กบนา” เนื้อมีรสชาติดีเป็นที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลายมาช้านาน ซึ่งชาวอีสานมีวิถีการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย รับประทานสัตว์น้ำได้ทุกขนาดปัจจุบันกบนามีการเพาะขยายพันธุ์เป็นสัตว์เศรษฐกิจและส่งเสริมการเลี้ยงหลายรูปแบบให้สอดคล้องกับสภาพของพื้นที่ โดยเฉพาะภาคอีสานที่มีปัญหาเรื่องน้ำในฤดูแล้ง
กบนา ได้รับคัดเลือกเป็นสัตว์น้ำประจำ จังหวัดศรีสะเกษเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558




