ผู้ส่งออกผลไม้ไทย ต้องรู้‘ด่านทางบกโหย่วอี้กวาน’ พร้อมรับฤดูกาลผลไม้ไทยแล้วหรือยัง

เมื่อเร็วๆนี้ ทีมประเทศไทย ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง ประกอบด้วยกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง กงสุลฝ่ายพาณิชย์ กงสุลฝ่ายเกษตร และกงสุลฝ่ายศุลกากร ได้ลงพื้นที่“ด่านโหย่วอี้กวาน” เพื่อติดตามสถานการณ์การดำเนินงานที่ด่านภายหลังรัฐบาลจีนปลดล็อกมาตรการคุมเข้มโควิด-19 และสำรวจประเมินความพร้อมของด่านในการรองรับผลไม้ไทยในฤดูกาลผลไม้ที่กำลังมาจะถึง ขณะนี้ ด่านโหย่วอี้กวาน ได้เปิดดำเนินการเป็นปกติแล้ว สภาพการจราจรบริเวณด่านทั้งขาเข้าและขาออกมีปริมาณรถบรรทุกจอดต่อคิวเพื่อผ่านเข้า-ออกด่านเป็นจำนวนมากเป็นปกติแล้ว

ประเด็นที่ผู้ส่งออกไทยให้ความสนใจว่า… รถบรรทุกมีปัญหาติดขัดบริเวณด่านหรือไม่ กระบวนการตรวจสอบกักกันโรคที่ด่านเป็นอย่างไรมาตรการคุมเข้มโควิด-19 สำหรับสินค้านำเข้าที่เป็นสินค้าสดยังมีอยู่หรือไม่ เจ้าหน้าที่ด่านได้ให้ข้อมูลเพื่อคลายข้อสงสัยของผู้ส่งออกไทย ดังนี้

1.สภาพการจราจรบริเวณด่านโหย่วอี้กวาน

ช่วงที่ผ่านมา มีปริมาณรถสินค้าผ่านเข้า-ออกเฉลี่ยประมาณวันละ 1,000 คันครั้ง (เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ปริมาณรถบรรทุกเข้า-ออกทำสถิติสูงสุด 1,233 คัน / ด่านทางบกทุกแห่งในกว่างซีรวมกัน 3,411 คัน) ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 ซึ่งมีรถบรรทุกผ่านเข้า-ออกเฉลี่ยวันละ 1,200-1,400 คันครั้ง

2023 03 10 2%E0%B9%82%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%A7 1
สภาพการจราจรบริเวณด่านโหย่วอี้กวาน

2.การอำนวยความสะดวกบริเวณด่านโหย่วอี้กวาน

ด้านแนวปฏิบัติเพื่อการอำนวยความสะดวก (software)สินค้าสดและมีชีวิตที่ผ่านด่านโหย่วอี้กวานจะได้รับการตรวจเป็นลำดับแรก (First priority)เพื่อรักษาคุณภาพความสดใหม่และป้องกันความเสียหายของผลไม้สดโดยเฉพาะทุเรียนให้ “ผ่านด่านก่อน ตรวจก่อน ปล่อยก่อน”เพื่อสร้างหลักประกันว่ารถบรรทุกผลไม้สดจะต้องไม่ตกค้างในด่านเกิน 24 ชั่วโมง(กรณีที่รถบรรทุกมาถึงเย็นใกล้เวลาเลิกงาน ก็จะได้รับการตรวจเป็นอันดับแรกในวันรุ่งขึ้น) โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรทำงานแบบ7 วัน X 24 ชั่วโมงเวลาทำงานปกติ 08:00-19:00 น. ไม่หยุดพักเที่ยง หากมีสินค้าเข้าเป็นจำนวนมากจะมีการขยายเวลาทำการออกไปอีก

หลังจากผ่านประตูไม้กั้นเข้าไปยังเขตอารักขาศุลกากรภายในด่านโหย่วอี้กวานแล้วหากรถบรรทุกไม่ต้องสุ่มตรวจจากระบบ จะใช้เวลาดำเนินพิธีการศุลกากรที่เกี่ยวข้องเพียง 20 นาทีก็สามารถวิ่งออกจากด่านได้แล้ว สำหรับสินค้าผลไม้ที่ต้องสุ่มเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจ ใช้เวลาตรวจปล่อยไม่เกิน 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ การสุ่มตรวจและกักกันโรคพืชแมลงศัตรูพืชในผลไม้สดจากประเทศไทยอยู่ที่ 30% ซึ่งเป็นอัตราที่กำหนดโดยศุลกากรแห่งชาติจีน (เวียดนามต้องตรวจ 100%) โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะเปิดตู้สินค้าและสุ่มเก็บตัวอย่างสินค้า 3% ในล็อตเพื่อส่งตรวจโรคและแมลงศัตรูพืชโดยทีมเจ้าหน้าที่มีขีดความสามารถในการตรวจสินค้าได้สูงสุดราว 120 ตู้ต่อวัน

ภายในลานตรวจสินค้าจะมีช่องจอดสำหรับถอยท้ายรถบรรทุกเข้าจอดเพื่อดำเนินการสุ่มตรวจให้เฉพาะสำหรับทุเรียน จำนวน 10 ช่อง โดยสามารถเพิ่มจำนวนยืดหยุ่นได้ตามช่วงเวลาที่มีปริมาณรถบรรทุกผลไม้จำนวนมาก (ภายในด่านโหย่วอี้กวานมีช่องเทียบรถบรรทุก 76 ช่อง ใช้งานได้จริง 72 ช่อง)

เรื่องฝากจากศุลกากร เจ้าหน้าที่ศุลกากรขอให้ผู้ส่งออกไทยที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีสำหรับกระบวนการผลิต และการปฏิบัติที่ดีสำหรับการคัดบรรจุหรือ GMP (Good Manufacturing Practices) รวมทั้งมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี หรือ GAP (Good Agricultural Practice) ด้วยความเคร่งครัด เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ด้านระบบโครงสร้างพื้นฐาน (Hardware)รัฐบาลจีนและเวียดนามกำลังผลักดันให้ (1) ขยายพื้นที่ลานสินค้าเนื้อที่ 148 เฮกตาร์ในฝั่งเวียดนาม เพื่อรองรับปริมาณรถบรรทุกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย โดยรัฐบาลจังหวัด Lang Son กับธนาคาร ADBและ (2) ขยายผิวจราจรให้กว้างขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาถนนคอขวดบริเวณชายแดนกว่างซี-เวียดนาม โดยปัจจุบัน ช่วงคอขวดมีเพียง 3 ช่องจราจร เป็นช่องทางจากเวียดนามเข้าจีน 1 ช่องจราจร และจีนเข้าเวียดนาม 2 ช่องจราจร เพื่อให้เป็น ‘2 เข้า 2 ออก’ และขยายเป็น ‘3 เข้า 3 ออก'(แต่ยังมีข้อจำกัดด้านภูมิประเทศทางฝั่งเวียดนามซึ่งเป็นภูเขาเกี่ยวข้องกับประเด็นเขตแดนและความมั่นคงระหว่างจีนกับเวียดนาม) ตามลำดับ

นอกจากนี้ ด่านโหย่วอี้กวานกำลังเร่งพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณอาคารประตูไม้กั้นแห่งใหม่ของด่านโหย่วอี้กวานให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว (อาคารประตูไม้กั้นมีลักษณะคล้ายด่านเก็บค่าผ่านทางเวลาขึ้นทางด่วนในไทย / แผนเดิมจะเปิดใช้งานในเดือนพฤษภาคม 2564) ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องทางการจราจรให้กับรถบรรทุกขาเข้าจีนหลังจากที่หลุดจากช่วงถนนคอขวดได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน อาคารประตูไม้กั้นหลังเก่ามีช่อง ‘เข้า 3 ออก 3’หลังจากเปิดใช้งานอาคารหลังใหม่แล้วจะมีช่องเพิ่มเป็น‘เข้า 6 ออก 6’ อย่างไรก็ดี ด่านประตูไม้กั้นในฝั่งเวียดนามยังคงเป็น ‘เข้า 2 ออก 2’

2023 03 10 10 13 %E5%8D%A1%E5%8F%A3%E4%B8%89 768x512 1%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99
ด่านโหย่วอี้กวาน

นอกจากนี้ เมืองผิงเสียงได้เปิดใช้งาน ประตูไม้กั้นแห่งที่ 3 – ข่าเฟิ่ง” (มี 6 ช่องจราจร ‘เข้า 3 ออก 3’) เพื่อใช้เป็นช่องทางเฉพาะสำหรับรถบรรทุกสินค้า Cross-border e-Commerce และสินค้าทัณฑ์บนเพื่อการแปรรูปโดยแยกช่องทางกับรถบรรทุกสินค้านำเข้า-ส่งออกทั่วไปของด่านโหย่วอี้กวานที่ใช้อยู่เหมือนเดิมเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการจราจรและแก้ปัญหาความแออัดในการเดินรถบรรทุกที่ผ่านเข้า-ออกด่านโหย่วอี้กวานและเขตสินค้าทัณฑ์บนแบบครบวงจรผิงเสียงให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้ประกอบการประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายได้มากยิ่งขึ้น

3.ยกเลิกมาตรการบริหารจัดการแบบปิด (Closed-loop management)

กิจกรรมทางเศรษฐกิจบริเวณ ‘ด่านโหย่วอี้กวาน’ได้ฟื้นตัวกลับมาคึกคักตามสัญญาณบวกจากการยกเลิกมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ในสินค้านำเข้า ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกมาตรการกำหนดตัวคนขับรถบรรทุก (เดิมต้องเป็นคนขับในโควต้า ห้ามพบสัมผัสกับบุคคลอื่น และต้องพักอาศัยในพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น) และมาตรการเปลี่ยนหัวรถลากจีน-เวียดนามในจุดที่กำหนด โดยคนขับรถเวียดนามและจีนสามารถขับรถบรรทุกข้ามแดนเข้าไปยังพื้นที่ที่กำหนดของอีกฝ่ายได้โดยตรง รวมถึงการยกเลิกมาตรการตรวจหาเชื้อและฆ่าเชื้อโควิด-19 บนบรรจุภัณฑ์ชั้นนอก

ในส่วนของงานตรวจคนเข้าเมืองที่ด่านโหย่วอี้กวานได้ฟื้นฟูกลับมาให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 (ขณะที่ สะพานแห่งที่ 1 ของด่านตงซิง ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนสำหรับบุคคลที่เดินทางเข้า-ออกนอกประเทศ ได้ฟื้นฟูกลับมาให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566)

4.ข้อมูลเพิ่มเติม ปัจจุบัน รัฐบาลจีนและเวียดนามได้ตกลงเห็นชอบให้มีการเปิดเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศระหว่างเขตฯ กว่างซีจ้วงกับเวียดนามแล้ว 30 เส้นทาง โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่มีอยู่ 20 เส้นทาง ในจำนวนนี้ เป็นเส้นทางขนส่งผู้โดยสาร 17 เส้นทาง (ใช้งานได้จริงแล้ว 11 เส้นทาง)

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2565 กรมพาณิชย์กว่างซี ได้แถลงข่าวว่า ภายในปีนี้ เขตฯ กว่างซีจ้วงจะฟื้นฟูการดำเนินงานของเขต(จุด)ผ่อนปรนตลาดการค้าสำหรับชาวชายแดนที่มีอยู่ 13 แห่งทั่วกว่างซี และขยายปริมาณและประเภทสินค้านำเข้าจากประเทศสมาชิกอาเซียนด้วย ซึ่งถือเป็นการเพิ่มช่องทางการค้าและการระบายปริมาณรถสินค้าไปยังด่านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้ จึงพออนุมานได้ว่า “ด่านโหย่วอี้กวาน”มีศักยภาพความพร้อมที่จะรองรับผลไม้ไทยในช่วงฤดูกาลผลไม้ที่กำลังจะมาถึงได้ในระดับเดียวกับช่วงก่อนโควิด-19ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า… ในช่วงที่ผลไม้ออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ด่านโหย่วอี้กวานอาจจะยังคงต้องประสบปัญหารถบรรทุกแออัดเช่นในอดีต เนื่องจากการพัฒนาและยกระดับระบบโครงสร้างพื้นฐานบริเวณด่านฝั่งกว่างซีและเวียดนามที่ยกมาข้างต้นยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง

ดังนั้น ผู้ส่งออกผลไม้ไทยควรติดตามสถานการณ์การขนส่งอย่างใกล้ชิดและวางแผนงานขนส่งให้รอบคอบรัดกุม เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหารถบรรทุกแออัดบริเวณด่าน

ที่มา:ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (BIC) สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง