สภาพอากาศในช่วงนี้สภาพอากาศร้อนจัดและมีฝนตก เตือน “ผู้ปลูกผักบุ้งจีน” ทุกระยะการเจริญเติบโต รับมือ“โรคราสนิมขาว” (เชื้อรา Albugo ipomoea-panduratae) พบจุดสีเหลืองซีดที่ด้านบนของใบ เมื่อพลิกดูใต้ใบจะเห็นเป็นตุ่มนูนสีขาวขนาดเล็กซึ่งเป็นส่วนของเชื้อรา ต่อมาตุ่มนูนจะขยายใหญ่ หากมีหลายตุ่มขยายมาชนกัน จะเห็นเป็นปื้นสีขาวขนาดใหญ่ ทำให้ใบบิดเบี้ยวหรือเป็นคลื่นไม่เรียบ ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและร่วง บางครั้งพบอาการของโรคที่ก้านใบและลำต้น
แนวทางป้องกัน/แก้ไข
๑. ก่อนปลูกควรไถพลิกกลับหน้าดิน ตากแดด ทิ้งไว้ระยะหนึ่งและใส่ปูนขาวเพื่อปรับสภาพดิน
๒. ใช้เมล็ดพันธุ์ จากแหล่งที่ไม่มีการระบาดของโรค
๓. คลุกเมล็ดก่อนปลูกด้วยสารเมทาแลกซิล ๓๕% ดีเอส อัตรา ๗ กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ ๑ กิโลกรัม
๔. ไม่หว่านผักบุ้งแน่นเกินไป เพราะจะทำให้มีความชื้นสูง
๕. กำจัดวัชพืชในแปลงปลูก
๖. ตรวจแปลงปลูกสม่ำเสมอ โดยเฉพาะใบล่าง ๆ เมื่อพบพืชเริ่มแสดงอาการของโรค ตัดส่วนที่เป็นโรคหรือถอนต้น นำไปทำลายนอกแปลงปลูกแล้วพ่นด้วยสารแมนโคเซบ+เมทาแลกซิล-เอ็ม ๖๔%+๔% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา ๓๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตรหรือ ไซยาโซฟามิด ๔๐% เอสซี อัตรา ๖ มิลลิลิตรต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ ไซมอกซานิล+แมนโคเซบ ๘%+๖๔% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๓๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ เมทาแลกซิล ๒๕% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๒o กรัมต่อน้ำ ๒o ลิตร หรือ แมนโคเซบ ๘o% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๒o–๓o กรัมต่อน้ำ ๒o ลิตร พ่นให้ทั่วโดยเฉพาะบริเวณด้านใต้ใบ พ่นซ้ำทุก ๕- ๗ วัน และควรหยุดพ่นก่อนเก็บเกี่ยวอย่างน้อย ๗ วัน
๗. แปลงที่พบการระบาดของโรค ควรหลีกเลี่ยงการให้น้ำแบบพ่นฝอย และไม่ควรให้น้ำจนชื้นแฉะเกินไป
๘. หลังการเก็บเกี่ยว ควรนำเศษซากพืชไปทำลายนอกแปลงปลูก
๙. ในแปลงที่พบโรคระบาด ควรปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน