“ลิซ่า ภคมน หนุนอนันต์ ” สส.พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ข้อความว่า
มังคุดโลละ100 บาท ตรงไหน!!!!!
พี่น้องนครศรีธรรมราชฝากมาถามรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ (พรุ่งนี้ดิฉันจะหารือถามให้) ว่าท่านรับซื้ออยู่ตรงไหน ที่บอกว่ามังคุดกิโลละ 100 บาท เขาจะเอาไปขาย เพราะแม่ค้ารายเล็ก เกษตรกรขายกันอย่างมากก็ได้กิโลกรัมละ 30 บาทเท่านั้น
ดิฉันคิดว่าวันนี้จะผลักดันผลผลิตทางการเกษตรให้ได้ราคาสูงๆ มันอาจจะเป็นการพึ่งตลาดทางเดียวเกินไป สิ่งที่ต้องเร่งทำให้สำเร็จคือการแปรรูปมังคุด ซึ่งทำได้หลากหลายและควรเร่งทำทันที
พี่น้องเกษตรกรสวนมังคุดและเกษตรกรรุ่นใหม่เขามีไอเดียที่น่าสนใจว่ารัฐต้องแปรรูปมังคุดทันที แม้ปีนี้อาจไม่ทันแล้ว แต่ปีหน้าต้องตั้งรับให้ได้ตั้งแต่ต้นฤดู ไอเดียที่ดิฉันรับฟังมาสอดคล้องกับแนวทางที่อาจารย์เดชรัตน์เคยเสนอไว้
เริ่มตั้งแต่ช่วงมังคุดดิบสามารถนำมาทำมังคุดคัดได้ ดิฉันมีโอกาสได้ชิม รสชาติอร่อยมาก แถมราคาสูงด้วย
ไม้ละ 30 บาท 5 ลูกเสียบไม้ขาย ราคาเท่ากับมังคุดสุก 1 กิโลแล้ว
ซึ่งถ้าใครจะกินมังคุดคัดต้องนครศรีธรรมราช และเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวนครศรีธรรมราช แต่เป็นแค่การแปรรูปเบื้องต้น เก็บรักษาได้ไม่นาน ถ้าจะขยายตลาดคงใช้สำหรับประกอบอาหารอื่นๆ เช่น ยำมังคุดคัด นำไปทำไอศกรีมก็ว่ากันไป
ต่อมา มังคุดแดงสามารถนำมาแกะเปลือกนำมาใช้ทำมังคุดฟรีซดรายได้ดี ข้อดีของมังคุดฟรีซดราย นอกจากเก็บรสชาติได้ดี ยังเก็บได้นาน และแทบไม่มีค่าใช้จ่ายในการเก็บ แถมทานง่าย ทานได้ตลอดทั้งปี
มังคุดดำ คือมังคุดที่สุกสามารถนำมาทำเป็นน้ำมังคุด ดิฉันเคยชิมน้ำมังคุดเข้มข้น อร่อยมาก ราคาขวดละ 120 บาท เดี๋ยวนี้ในจังหวัดนครศรีธรรมราช คาเฟ่บางร้านนำมาทำเครื่องดื่มหลากหลาย ราคาแก้วละ 100 อัพ
นอกจากนี้อาจารย์เดชรัตน์เคยแชร์เอาไว้ว่า กากที่ได้จากการสกัดเย็นน้ำมังคุด ซึ่งมีสองส่วน ส่วนที่เป็นกากของเนื้อสามารถเก็บแช่เย็นไว้ แล้วทยอยมาทำไอศกรีมมังคุดได้อีกต่อหนึ่ง ส่วนกากของเมล็ดมังคุดจะนำมาใช้ทำแยมมังคุดและน้ำพริกมังคุดได้อีกต่อหนึ่ง
เปลือกมังคุด ส่วนมังคุดเขียวใช้สำหรับการทำผ้าย้อมสีธรรมชาติได้อีกต่อหนึ่ง โดยมีกลุ่มทำผ้าย้อมสีธรรมชาติมาซื้อต่อ ส่วนเปลือกมังคุดส่วนที่เหลือนำมาใช้ทำถ่าน และบางส่วนนำถ่านไปทำสบู่อีกต่อหนึ่ง
เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะเพิ่มการแปรรูปมังคุดสามารถดำเนินการได้เลย โดยเฉพาะการเพิ่มการรับซื้อมังคุดแดง และมังคุดดำ และจะเพิ่มการมีงานทำในพื้นที่ และยังสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้ หากเปิดให้มีการนำเนื้อหรือกากมังคุดไปพัฒนาหรือแปรรูปต่อ หรือเปิดเป็นเมนูอาหารและเครื่องดื่มใหม่ๆ
จุดที่ยังเป็นคอขวดอยู่ และจำได้ว่าปีที่แล้วเราก็ได้เสนอไปแล้วคือเรื่องห้องเย็นสำหรับจัดเก็บเนื้อมังคุดและกากมังคุด ปัจจุบันห้องเย็นคิดค่าจัดเก็บ 2 บาท/กก./เดือน ก็ถือว่าไม่แพงมาก เพียงแต่ปีที่แล้วห้องเย็นเต็ม จึงจำเป็นที่จะต้องเพิ่มห้องเย็น หากต้องการจะรักษาระดับราคามังคุด
ท่านรัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์และรัฐบาลควรรีบใช้งบกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และงบกลางในการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าดำเนินการโดยด่วน ถ้าทำได้รับรองว่ากระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของภาคใต้ได้ดีมาก ถึงเวลานั้นค่อยอวด
ส่วนนโยบายในอนาคตฝากท่านรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ช่วยไปผลักดันรัฐบาลให้ลงทุนเพิ่มเครื่องจักรอุปกรณ์การแปรรูปและห้องเย็นให้กระจายตัวในพื้นที่ และดำเนินการโดยผู้ประกอบการรุ่นใหม่และ Young Smart Farmers ภายในพื้นที่ ดิฉันคิดว่านี่ต่างหากคือหนทางที่จะทำให้ชาวสวนมังคุดรอด
“ท่านปลื้มง่ายเกิน ไม่ลงทุนเครื่องจักรไม่สร้างนวัตกรรมมันจะยั่งยืนได้หรือ”
