รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยในปี 2568 อาจจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะผลผลิตสินค้าเกษตรทั่วโลกในปีนี้ออกเป็นจำนวนมาก และทุกประเทศก็จะเจอปัญหาที่คล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะเรื่องของปริมาณผลผลิตที่มีออกมาจำนวนมาก ทำให้มีการแข่งขันกันทำตลาดมากขึ้น มีผลต่อราคาที่อาจจะตกลง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์พยายามหารือกับทุกหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะสินค้าข้าวกับหลายประเทศ เพื่อหาตลาดส่งออก รวมไปถึงสินค้ามันสำปะหลังด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างเดินหน้าผลักดันส่งออกสินค้าข้าว รวมไปถึงอยู่ระหว่างการหาช่องทางการเจรจาส่งออก ไม่ว่าจะผ่านกลไกระหว่างรัฐต่อรัฐ เพื่อช่วยระบายสินค้าเกษตรของไทยออกไปต่างประเทศ เพราะตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากเร่งหาตลาด เพื่อช่วยเหลือภาคเกษตรกร เพื่อไม่ให้เกษตรกรได้รับผลกระทบและขาดทุน ซึ่งก็เร่งหาว่าจะสามารถใช้ช่องทางหรือกลไกอะไรได้บ้าง ที่จะทำให้สามารถผลักดันส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปในตลาด ส่วนในเรื่องของราคานั้นก็อาจจะต้องมีการพูดคุยหารือกันดูแลต่อไป
“การหาตลาด ขณะนี้มีการพิจารณาในหลายประเทศที่จะสามารถเข้าไปทำตลาดได้ แต่ยังไม่สามารถที่จะระบุชัดเจนได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นแนวทางการแก้ไขเฉพาะหน้าในปี 2568 และสินค้าสำคัญที่ต้องเร่งเดินหน้า คือ สินค้าข้าว”
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้มีการหารือกับผู้ส่งออกข้าว เพื่อร่วมกันหาช่องทางในการผลักดันส่งออกออกด้วย ส่วนในการแก้ไขระยะยาวอาจจะต้องมีแนวทางการดูแลกันต่อไป โดยเฉพาะเรื่องของการปรับปรุงพันธุ์ข้าว เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะข้าวเวียดนาม ซึ่งมีคุณภาพดีขึ้น รวมไปถึงการส่งเสริมและช่วยลดต้นทุนการเพาะปลูกให้กับเกษตรกร ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เองก็พร้อมที่จะบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการทำตลาดข้าว เพื่อยังคงศักยภาพในการแข่งขันให้ได้
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) นางอารดา เฟื่องทอง เปิดเผยว่า กรมฯยังคงคาดการณ์ว่าภาพรวมการส่งออกข้าวไทยในปีนี้จะเป็นไปตามที่ประเมินไว้ที่ 7.5 ล้านตัน โดยในช่วง 5 เดือนหลังของปี 2568 กรมฯได้เตรียมแผนส่งเสริมตลาด เพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทย เพื่อช่วยให้มีคำสั่งซื้อรองรับผลผลิตข้าว ดังนี้ (1) การเจรจาขยายตลาดและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและผลักดันการส่งออกข้าวไทยให้เพิ่มขึ้น ได้แก่ ผลักดันการส่งออกข้าวไทยผ่านการเร่งเจรจาตกลงซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ กับ COFCO รัฐบาลจีน ที่ยังเหลือตามสัญญาอีก 280,000 ตัน (คาดว่าจะมีคณะเดินทางไปปักกิ่ง เดือนกันยายนนี้) และขยายตลาดข้าวขาวและข้าวนึ่งไปยังตลาดที่มีศักยภาพ เช่น ซาอุดีอาระเบีย และอิรัก จัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ (3-6 สิงหาคม 2568) จัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น (7-11 กันยายน 2568) เพื่อเจรจาขยายตลาด และรักษาปริมาณการส่งออกข้าวไปญี่ปุ่นปีละประมาณ 300,000 ตัน การรับรองคณะผู้นำเข้าข้าวฮ่องกงเดินทางเยือนไทย (17-20 พฤศจิกายน 2568)
2) การส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ ได้แก่ งาน Fine Food Australia ณ นครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย (8-11 กันยายน 2568) งาน China-ASEAN EXPO (CAEXPO) ณ เมืองหนานหนิง ประเทศจีน (17-21 กันยายน 2568) งาน ANUGA ณ เมืองโคโลญจน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (4-8 ตุลาคม 2568) งาน Foodex Saudi ณ ซาอุดีอาระเบีย (3-6 พฤศจิกายน 2568) งาน China International Import Expo (CIIE) ณ นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน (5-10 พฤศจิกายน 2568)
(3) การจัดงานประชุมข้าวนานาชาติ Thailand Rice Convention (TRC) สัญจร เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถผลิตข้าวได้ตรงกับความต้องการของตลาดมากขึ้นในช่วง 28-30 สิงหาคมนี้
สำหรับการส่งออกข้าวไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ไทยส่งออกข้าวได้ 3.73 ล้านตัน ลดลง 27.29% มีมูลค่า 75,563 ล้านบาท ลดลง 36.45%
