หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ที่ กรมวิชาการเกษตร มีสถานที่หนึ่งที่สำคัญมาก เรียกว่า “ธนาคารพันธุกรรมพืช (Gene Bank)” ซึ่งเป็นเหมือน “ตู้เซฟของชาติ” สำหรับเก็บความหลากหลายของพันธุ์พืชไว้ให้คนรุ่นหลัง

ธนาคารพันธุกรรมพืช ตั้งอยู่ที่ อาคารทรัพยากรพันธุกรรมพืชสิรินธร ถนนรังสิต–นครนายก (คลอง 6) จ.ปทุมธานี อยู่ภายใต้การดูแลของ สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร
หน้าที่ของที่นี่คือการ “รวบรวม อนุรักษ์ และใช้ประโยชน์” จากพันธุกรรมพืช ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์ พันธุ์พืชพื้นบ้าน พืชเศรษฐกิจ สมุนไพรหายาก หรือแม้แต่เนื้อเยื่อและข้อมูลพันธุกรรมที่มีคุณค่าต่ออนาคตของการเกษตรไทย

ทำไมต้องเก็บไว้?
เพราะเราไม่รู้เลยว่าในอนาคต พันธุ์พืชชนิดไหนจะกลายเป็น “ตัวช่วยสำคัญ” ของเกษตรกร — บางพันธุ์อาจทนแล้งดี บางพันธุ์อาจต้านโรคได้ หรือบางพันธุ์อาจให้ผลผลิตสูง ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาพันธุ์ใหม่ ๆ ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

แล้วเกษตรกรมีส่วนร่วมได้ไหม?
ได้สิครับ! เกษตรกรสามารถ “ฝากพันธุ์พืชของตนเอง” ไว้ที่ธนาคารพันธุกรรมพืชได้ โดยเฉพาะพันธุ์พื้นบ้านที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งบางครั้งอาจไม่มีขายในท้องตลาดแล้ว การฝากไว้จะช่วยให้พันธุ์เหล่านี้ ไม่สูญหายไปจากแผ่นดินไทย
สิ่งที่เกษตรกรจะได้รับ
พันธุ์ที่ฝากไว้จะถูกเก็บรักษาในห้องควบคุมอุณหภูมิ อยู่ได้นานหลายสิบปี
สามารถ “ขอรับคืน” เพื่อปลูกต่อได้ทุกเมื่อ

หากพันธุ์นั้นมีคุณสมบัติเด่น อาจถูกนำไปใช้ในการวิจัยหรือพัฒนาพันธุ์ใหม่ โดยยังมีการอ้างอิงถึงแหล่งที่มาของพันธุ์
ชื่อของเกษตรกรและภูมิปัญญาท้องถิ่นจะถูกบันทึกไว้ เป็นส่วนหนึ่งของคลังความมั่นคงทางอาหารของประเทศ

พูดให้เข้าใจง่าย ๆ “ธนาคารพันธุกรรมพืช (Gene Bank)” ก็เหมือนที่ที่เรา “ฝากเมล็ด ฝากภูมิปัญญา และฝากความภูมิใจของครอบครัว” ไว้ให้ลูกหลานได้ใช้ต่อในวันหน้า
มีพันธุ์ดี อย่าเก็บไว้เงียบ ๆ ฝากไว้กับธนาคารพันธุกรรมพืช ก็เหมือนฝากอนาคตไว้ให้ลูกหลาน





