เวลาปลูกพืช เกษตรกรหลายคนคงเคยปวดหัวกับ “หนอนศัตรูพืช” ที่มากัดกินยอด ใบ ราก หรือทำให้ผลผลิตเสียหาย บางครั้งใช้สารเคมีก็ไม่ค่อยได้ผล

เพราะหนอนดื้อยา หรือซ่อนตัวอยู่ในดินจนยาเข้าไม่ถึง
วันนี้มีตัวช่วยที่ทั้งปลอดภัยและได้ผลจริง นั่นคือ “ไส้เดือนฝอยกำจัดแมลง” ซึ่งเป็นนักล่าธรรมชาติขนาดจิ๋วที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่มีพลังในการกำจัดหนอนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกรมวิชาการเกษตร ค้นพบไส้เดือนฝอยกลุ่มนี้ในประเทศไทย จัดเป็นไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทย (Steinernema siamkayai) ซึ่งนำมาพัฒนาผลิตขยายใช้กำจัดแมลงศัตรูพืชตั้งแต่ปี 2540

ไส้เดือนฝอยคืออะไร และทำงานอย่างไร?
ไส้เดือนฝอยเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า อาศัยอยู่ในดินโดยใช้แมลงหรือตัวหนอนเป็นอาหาร
เมื่อเราเอามาพ่นในแปลง มันจะเคลื่อนที่เข้าไปหาและเจาะเข้าไปในตัวหนอนศัตรูพืช แล้วปล่อยแบคทีเรียพิเศษที่อยู่ในตัวมันเข้าไปในน้ำเลือดของหนอน หนอนจะตายภายในหนึ่งถึงสองวัน หลังจากนั้นไส้เดือนฝอยจะขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนภายในซากหนอน ได้ไส้เดือนฝอยรุ่นใหม่ออกมาล่าเหยื่อหนอนตัวใหม่ต่อไป

เรียกได้ว่า “แค่พ่นครั้งเดียว มันก็ทำงานแทนเราได้ตลอดเวลา”
โดยไม่เป็นอันตรายต่อพืช คน สัตว์เลี้ยง หรือสิ่งแวดล้อมเลย
ใช้ได้กับหนอนศัตรูพืชกลุ่มผีเสื้อ กลุ่มด้วง รวมทั้งแมลงปากกัดหลายชนิด
แม้ไส้เดือนฝอยสายพันธุ์ไทยจะโดดเด่นเรื่องการกำจัด หนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด (Spodoptera frugiperda) แต่จริง ๆ แล้วมันยังใช้ได้ดีกับหนอนหลายชนิด เช่น
พืชผัก – ควบคุมด้วงหมัดผัก ด้วงเต่าแตง ที่เป็นระยะตัวหนอนในดิน กำจัดหนอนผีเสื้อกินใบ/ลำต้นผัก (หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทู้หอม หนอนใยผัก หนอนคืบ)

มันสำปะหลัง – ช่วยจัดการหนอนแมลงนูนและปลวกที่เจาะกินท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง
นอกจากนั้น ยังมีประสิทธิภาพในการกำจัดแมลงศัตรูที่อาศัยอยู่ในดิน เช่น ด้วงงวงมันเทศ แมลงกะชอน จิ้งหรีด และปลวกในจอมปลวก
เพราะฉะนั้น ถ้าพื้นที่ของเรามีปัญหาหนอนที่อาศัยอยู่ในดิน ไส้เดือนฝอยก็คือ “ผู้ช่วยตัวจริง” ที่ใช้ได้แทบทุกแปลง ไม่ว่าจะเป็นไร่หรือสวน
วิธีการใช้ให้ได้ผล
ก่อนใช้ให้เตรียมไส้เดือนฝอยตามอัตราที่ระบุบนฉลาก ผสมน้ำสะอาดแล้วพ่นลงดินบริเวณโคนต้นหรือบริเวณที่พบหนอน
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ พ่นตอนช่วงเย็น เพราะแสงแดดแรงอาจทำให้ไส้เดือนฝอยตายได้
และควรรดน้ำให้ดิน “ชุ่ม” ทั้งก่อนและหลังพ่น เพื่อให้มันเคลื่อนที่ได้ดี
ถ้าพบการระบาดมาก ควรพ่นซ้ำทุก 7 วัน หรือพ่นใหม่หลังจากฝนตกหนัก
สิ่งที่เกษตรกรจะได้รับ
การใช้ไส้เดือนฝอยเป็นชีวภัณฑ์กำจัดแมลง โดยเฉพาะแมลงศัตรูผักกลุ่มปากกัด มีข้อดีหลายอย่างที่เห็นได้ชัดเจน เช่น
ปลอดภัย ไม่มีสารพิษตกค้าง ใช้ได้กับทั้งระบบ GAP และเกษตรอินทรีย์
ลดต้นทุน เพราะไส้เดือนฝอยอยู่ในดินได้นาน ไม่ต้องซื้อสารเคมีหลายครั้ง และหนอนไม่ดื้อยา
เพิ่มผลผลิต เพราะใบผักไม่ถูกทำลายและสามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่
โดยทั่วไปต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 120 บาทต่อพื้นที่ปลูกผัก 1 งาน ใช้เพียง 2-3 ครั้งต่อฤดูปลูก แต่สามารถลดความเสียหายจากศัตรูพืชได้มากกว่า 60–70% ซึ่งคุ้มค่ากว่าการใช้สารเคมีในระยะยาว
สรุป
“ไส้เดือนฝอย” เป็นนักล่าจากธรรมชาติที่เกษตรกรทุกคนสามารถใช้ได้ง่าย ปลอดภัย และเห็นผลจริง ไม่เพียงแต่ช่วยปราบหนอนกระทู้ข้าวโพดเท่านั้น แต่ยังใช้ได้ดีกับแมลงศัตรูทางดินอีกหลายชนิดในไร่และสวนของเรา เป็นวิธีที่ช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และทำเกษตรได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว




