
สถานการณ์ฝุ่นละออง และหมอกควัน เป็นหนึ่งในปัญหาที่สำคัญมากของประเทศไทยในช่วงระยะหลัง อันจะนำไปสู่ปัญหาอื่นๆอีกมากมาย ทั้งผลกระทบต่อสุขภาพ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้กำหนดให้ถือเป็นวาระแห่งชาติ โดยหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่นละออง และหมอกควันสะสมเพิ่มขึ้นสูง ก็คือการเผาในพื้นที่การเกษตร ซึ่งกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีมาตรการรับมือสถานการณ์ ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2569 ในขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ได้มีราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง มาตรการบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ภาคการเกษตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568

เพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาฝุ่นละออง และหมอกควัน ในปี 2569 ที่จะมาถึงนี้ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 1 จังหวัดชัยนาท ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลการดำเนินงานของกรมส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคกลาง (ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร) จึงได้เตรียมความพร้อมโดยจัดทำแผนที่จุดความร้อนเพื่อวิเคราะห์และบริหารความเสี่ยงของการเผาในพื้นที่การเกษตรในพื้นที่รับผิดชอบ พร้อมทั้งกำหนดจัดอบรมการทำแผนที่พื้นที่เสี่ยงการเผาไหม้ (Fire Risk Map) ให้แก่เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรอำเภอ จากทั้ง 9 จังหวัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับมีความรู้ความสามารถในการจัดทำแผนที่ด้วยตนเอง และสามารถวางแผนการดำเนินงานส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนายสุชาติ อ่อนดำ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 1 จังหวัดชัยนาท กล่าวว่า “การขับเคลื่อนงานหยุดเผาในพื้นที่เกษตรกรรมเขตภาคกลางนี้ เป็นไปตามนโยบายของกรมส่งเสริมการเกษตร ตามแผนปฏิบัติการเร่งรัด 11 Quick Win/ Big Push Projects ของกรมส่งเสริมการเกษตรในเป้าหมายที่ 8 ที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้เพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมากกว่า 10% หรือ Green Gain/No-Burn Thailand 2025 ที่ต้องการให้ทุกพื้นที่จัดทำแผนที่พื้นที่เสี่ยงการเผาไหม้ (Fire Risk Map) พร้อมทั้งวิเคราะห์ความเสี่ยงตามบริบทของแต่ละพื้นที่ เพื่อเป็นชุดข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรเพื่อลงไปชี้แจงกับเกษตรกร ให้เกิดการตระหนักรู้ถึงผลกระทบและทำความเข้าใจกับเกษตรกร เพื่อลดการเผาในพื้นที่การเกษตรลงร้อยละ 10 ในพื้นที่ภาคกลาง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมเกษตรกรให้มีความสามารถในการบริหารจัดการเศษวัสดุในแปลงเกษตรกรรม ของตนเอง และสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากการผลิตและแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรได้ ซึ่งจากข้อมูลในปี 2568 ที่ผ่านมา มีจำนวนจุดความร้อนเกิดขึ้นทั้งสิ้น 1,524 จุด และในปี 2569 นี้ ได้กำหนดเป้าหมายการลดลงของการเผาในพื้นที่การเกษตร ให้ลดลงเหลือไม่เกิน จำนวน 1,367 จุด”

ดร.กัลลิกา ตาระกา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ ได้กล่าวเสริมว่า “สำหรับการจัดทำแผนที่พื้นที่เสี่ยงการเผาไหม้ (Fire Risk Map) รายเดือน มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นชุดข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เฝ้าระวังและลงพื้นที่ให้คำแนะนำการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรแก่เกษตรกร เพื่อลดการเผาในพื้นที่ ควบคู่ไปการสร้างมูลค่าเพิ่มเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร โดยนำข้อมูลจุดความร้อนในพื้นที่การเกษตร จากดาวเทียม Suomi NPP ระบบ VIIRS ระหว่างเดือนธันวาคม – พฤษภาคม ปี พ.ศ.2565 – 2567 จากระบบสนับสนุนการตัดสินใจเพื่อบริหารจัดการภัยพิบัติ (Disaster Platform) ของ GISTDA ร่วมกับข้อมูลผังแปลงเกษตรกรรมดิจิทัล ปี 2567 ที่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร จากนั้นจึงประมวลผลและจัดทำเป็นแผนที่พื้นที่เสี่ยงการเผาไหม้ (Fire Risk Map) โดยแบ่งความเสี่ยงออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ เสี่ยงสูง เกิดจุดความร้อนจำนวน 3 ปี เสี่ยงปานกลาง เกิดจุดความร้อนจำนวน 2 ปี และเสี่ยงน้อย เกิดจุดความร้อนจำนวน 1 ปี ซึ่งในเบื้องต้น พบว่า ในภาพรวมของ 9 จังหวัดภาคกลาง มีพื้นที่เสี่ยงการเผาไหม้สูงสุดอยู่ในระดับปานกลาง ในเดือนธันวาคม 2568 โดยกระจายในพื้นที่การเกษตร 57 ตำบล 29 อำเภอ ของพื้นที่ 7 จังหวัดภาคกลาง






