สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ ARDA จัดประชุม “AgriResearch One : รวมพลังวิจัยเพื่ออนาคตเกษตรไทย” เพื่อประกาศทิศทางการวิจัยเชิงรุกครั้งสำคัญ ตอบโจทย์นโยบาย Ignite Thailand – Agriculture Hub ที่มุ่งพลิกโครงสร้างภาคเกษตรไทยจากระบบผลิตดั้งเดิม สู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมและมูลค่าสูง ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจากนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานฯ โดยมี ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล ผู้อำนวยการ ARDA พร้อมผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ร่วมประชุม ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ภาคการเกษตรไทยกำลังเผชิญโจทย์ที่ท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การกำหนดมาตรการกีดกันการค้าระหว่างประเทศ สังคมเกษตรสูงอายุ รวมถึงเด็กรุ่นใหม่ขาดแรงจูงใจในการทำอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะข้อจำกัดด้านที่ดินและองค์ความรู้ด้านการทำเกษตร ส่งผลให้ GDP ภาคการเกษตรมวลรวมลดลง ซึ่งกระทบโดยตรงต่อรายได้ของเกษตรกร ดังนั้นหากเกษตรกรเข้าถึงความรู้ที่ถูกต้องและทันสมัย เขาจะมี “ภูมิคุ้มกัน” ประเทศไทยก็จะสามารถยืนหยัดท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นคง ARDA จึงไม่ได้เป็นเพียงหน่วยงานสนับสนุนทุนวิจัย แต่ต้องเป็น “ศูนย์กลางเชื่อมโยงห่วงโซ่นวัตกรรม” ระหว่างนักวิจัย เกษตรกร ผู้ประกอบการ และตลาดปลายทาง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถยืนหยัดท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมั่นคง
“วันนี้นักวิจัยไทยทั้งภาครัฐและเอกชนมีศักยภาพสูงและมีความเชี่ยวชาญหลากหลาย ซึ่งหากจุดแข็งเหล่านี้ถูกเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ คุณภาพงานวิจัยไทยจะดีขึ้น ผลผลิตจะดีขึ้น และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรก็จะดีขึ้นตามไปด้วย ในอนาคตภาคการเกษตรเราจะไม่ผลิตแบบ mass market แต่จะเน้นการผลิตแบบเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) มากขึ้น เกษตรกรผู้สูงอายุจะสามารถดูแลพื้นที่ปลูกของตัวเองได้ตามความถนัด ส่วนคนรุ่นใหม่จะมีบทบาทใหม่ในฐานะ ‘โบรกเกอร์เกษตร’ ที่ช่วยบริหารจัดการธุรกิจและเชื่อมโยงการตลาดให้ทั้งระบบ นอกจากนี้ผมอยากเห็นการสร้างรายได้จากการใช้งานวิจัยให้มากขึ้น และให้นักวิจัยได้รับผลตอบแทนจากผลงานของตัวเอง นี่คือแรงจูงใจสำคัญที่จะทำให้เกิดการพัฒนางานวิจัยคุณภาพมากขึ้น”

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กล่าวว่า โลกยุคใหม่กำลังผลักภาคเกษตรเข้าสู่การแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น การปรับตัวด้วยการขยายพื้นที่และเพิ่มแรงงานไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดอีกต่อไป สิ่งที่จำเป็นคือ “งานวิจัยและนวัตกรรมที่ใช้ได้จริงในพื้นที่จริง และนี่คือจังหวะที่ภาคเกษตรต้องเปลี่ยนจาก ‘ทำมากได้เท่าเดิม’ ไปสู่ ‘ทำเท่าเดิมแต่สร้างมูลค่าเพิ่มสูงกว่า’ ARDA ในฐานะหน่วยงานบริหารจัดการทุนในระบบ ววน. และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งถือเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนงานวิจัยเชิงรุกของประเทศตั้งเป้าหมายผลักดันให้งานวิจัยถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม

“ ด้านการขยายผลงานวิจัยและขยายสู่การใช้ประโยชน์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ARDA สามารถนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ทั้งในเชิงนโยบาย เชิงสาธารณะ เเละเชิงพาณิชย์ ทั้งสิ้น 1,158 โครงการ โดยจากข้อมูลปี 2566–2568 ได้นำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ 73 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 173 โครงการ และจากการสุ่มการประเมินมูลค่าผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคม จำนวน 55 โครงการ พบว่าสามารถก่อให้เกิดมูลค่า รวมกว่า 5,000 ล้านบาท ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่เพียงสะท้อนผลงานสำเร็จ แต่คือสัญญาณว่าระบบวิจัยไทยกำลังขยับจาก ‘งานวิชาการ’ ไปสู่ ‘ระบบเศรษฐกิจได้จริง’

และในปี 2569 นี้ ARDA พร้อมเร่งเดินหน้าสนับสนุนทุนวิจัยอย่างเข้มข้นขึ้นภายใต้ 6 แผนงานวิจัย ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยกำหนดเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน เช่น การพัฒนากระบวนการผลิตและการตลาดของอาหารและผลไม้ไทยคุณค่าสูง การเพิ่มมูลค่าการส่งออกของประเทศ ซึ่งตั้งเป้าหมาย สร้างมูลค่าการขายและการส่งออกอาหารและผลไม้ไทยให้เพิ่มขึ้น 2,000 ล้าน ในช่วงปี 2566 – 2570 การยกระดับเกษตรแบบ SMART FARMING ที่ครบห่วงโซ่คุณค่าสำหรับเกษตรกรยากจนในชุมชนโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ตั้งเป้าหมายให้ครัวเรือนยากจนประมาณ 5,000 คนมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ในช่วงปี 2566 – 2570 เป็นต้น

นอกจากนี้ ARDA ยังมีการดำเนินงานตามแผนประเด็นวิจัยมุ่งเป้าตามยุทธศาสตร์ววน. ในโจทย์วิจัยเฉพาะ (Selected Topic) จำนวน 4 แผนงานวิจัย ได้แก่ 1.แผนงานครัวเรือนในชนบทและครัวเรือนเกษตรมีรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม 2. แผนงาน EUDR มุ่งพัฒนาสินค้าเกษตร 7 ชนิดให้สอดรับกับกฎระเบียบของสหภาพยุโรป 3.แผนงานประเทศไทยปลอดจาก PM 2.5 และ 4. แผนงานน้ำมั่นคง ไม่ท่วม – ไม่แล้งใน 10 จังหวัด

ดร.ทวีศักดิ์ ผอ.ARDA กล่าวปิดท้ายว่า การจัดงานในวันนี้ไม่ใช่เพียงการจัดการประชุม แต่เป็นการประกาศบทบาทใหม่ของ ARDA ที่ส่งสัญญาณเชิงนโยบายที่ชัดเจนกับเครือข่ายพันธมิตรในกระทรวงเกษตรฯ ว่า ARDA พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อน “ระบบวิจัยเชิงรุก” เพื่อให้ประเทศไทยปรับตัวจากเกษตรดั้งเดิมไปสู่เกษตรสมัยใหม่ ซึ่งหากโมเดลนี้เดินหน้าได้เต็มรูปแบบ เกษตรกรไทยจะก้าวจากผู้ผลิตต้นน้ำ สู่ผู้สร้างนวัตกรรมให้พร้อมแข่งขันในตลาดโลกในทศวรรษถัดไป และ ARDA พร้อมเป็นศูนย์กลางการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้








