เหรียง (Nitta Tree) เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ในตระกูลถั่ว (Fabaceae) พบมากในพื้นที่ภาคใต้ของไทย มีลักษณะเด่นที่เมล็ดและหน่อซึ่งมีกลิ่นฉุนเป็นเอกลักษณ์คล้ายสะตอแต่รสชาติมีความมันมากกว่า

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ลำต้น: สูงชะลูดประมาณ 30-50 เมตร ผิวเปลือกเรียบสีเทา
- ใบ: ใบประกอบขนาดเล็ก มีลักษณะรวมเป็นพุ่มหนาทึบกว่าต้นสะตอ
- ผล: ออกเป็นฝักตรง แบน เมื่อแก่จัดฝักจะมีสีดำ ภายในมีเมล็ดสีเขียวเข้มเปลือกแข็ง

การนำมารับประทาน (หน่อเหรียง)
เนื่องจากเมล็ดเหรียงมีเปลือกที่แข็งมาก จึงนิยมนำมา “เพาะให้งอก” ก่อนรับประทาน ซึ่งเรียกว่า “หน่อเหรียง” หรือ “ลูกเหรียง”

วิธีการเพาะ: นำเมล็ดมาตัดปลายเล็กน้อยเพื่อเปิดทางให้หน่อแทงออกมา แช่น้ำและบ่มในกระสอบประมาณ 4-5 วัน จนมีรากงอกและใบเลี้ยงโผล่คล้ายถั่วงอกหัวโต
- เมนูยอดนิยม:
- ผัดเผ็ด/แกงคั่ว: เช่น ผัดเผ็ดหมูกับหน่อเหรียง หรือแกงพริกกระดูกหมู
- แกงกะทิ: แกงเผ็ดหน่อเหรียงใส่เนื้อสัตว์ต่างๆ
- ผักเหนาะ: รับประทานสดคู่กับน้ำพริกหรือแกงไตปลา
- เหรียงดอง: นำไปดองเพื่อเก็บไว้รับประทานได้นานขึ้น

สรรพคุณและประโยชน์
- ทางอาหาร: ให้คุณค่าโภชนาการสูง มีฟอสฟอรัส บำรุงเหงือกและฟัน
- ทางยา: ช่วยขับลมในลำไส้ เป็นยาสมานแผล และช่วยบำรุงร่างกาย
- อื่นๆ: เนื้อไม้มีน้ำหนักเบาแต่เหนียว ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์หรือขุดเป็นเรือได้ และปลูกเพื่อบำรุงดินเนื่องจากเป็นพืชตระกูลถั่ว
ปัจจุบันเกษตรกรบางรายมองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจจากผลผลิตของต้นเหรียง จึงได้นำเมล็ดเหรียงมาเพาะเป็นหน่อเหรียง เพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตจำหน่ายแก่ผู้บริโภคทั้งในเขตภายใต้และส่งขายไปยังภาคต่างๆ เป็นการสร้างรายได้จากพืชชนิดนี้ทำให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น
“ต้นเหรียง” เป็นพืชผักตระกูลเดียวกับสะตอ ทำให้ต้นเหรียงมีลักษณะใบรวมทั้งผลและลำต้นคล้ายกับต้นสะตอ แต่จะแตกต่างที่ต้นเหรียงจะแตกหน่อเป็นทรงพุ่มกลม มีใบงอกออกมาหนาทึบกว่าต้นสะตอ ผิวเปลือกของลำต้นเรียบสีเทา มีขนบางๆปกคลุมบริเวณกิ่งก้าน เมื่อเริ่มผลิดอกเป็นกระจุกทรงกลมจะทยอยผลัดใบและทยอยให้ผลที่ลักษณะเป็นฝักตรงและแบน เมื่อเริ่มผลิใบครั้งใหม่ผลที่ได้ก็จะแก่จนเต็มที่พอดีกลายเป็นสีดำแต่เมล็ดด้านในของฝักจะมีสีเขียวแก่และมีกลิ่นแรง ซึ่งเป็นส่วนที่จะนำไปเพาะเป็นหน่อเหรียงเพื่อใช้รับประทานต่อไป
นอกจากนำเมล็ดเหรียงมาเพาะเป็นหน่อเหรียงเพื่อประกอบอาหาร เป็นเมนูแกงหรือผัด หรือนำมารับประทานผลสดหรือนำไปดองรับประทานคู่กับน้ำพริกหรือแกงต่างๆ แล้ว เรายังสามารถนำต้นเหรียงไปใช้ประโยชน์เป็นเครื่องเรือนหรือเฟอร์นิเจอร์ เพราะเนื้อไม้มีสีอ่อน มีความงาม น้ำหนักเบา เนื้อไม้มีความเปราะและเหนียวทำให้สามารถนำผ่าเป็นชิ้นๆ ได้ง่าย ใช้ทำเป็นโครงของเฟอร์นิเจอร์ได้ดี และยังสามารถนำลำต้นทั้งลำมาตัดและขุดเนื้อไม้ตรงกลางออกเพื่อใช้เป็นเรือได้ด้วย
ขณะเดียวกัน ต้นเหรียงยังเป็นพืชตระกูลถั่วที่เหมาะแก่การนำมาปลูกเพื่อบำรุงดิน จึงเป็นพืชที่กษตรกรบางคนนำมาปลูกแซมกับพืชอื่นๆ เพื่อให้ดินในแปลงปลูกมีคุณภาพดีมากขึ้น และยังสามารถใช้เป็นต้นตอสำหรับการขยายพันธุ์สะตอได้ด้วย




