ชาวสวนภาคใต้ร้องกองปราบฯ ถูกอดีต ส.ส.ชุมพร ตุ๋นลงทุน 1 บาทปลูกกระท่อม 1 ต้น เป็นค่าจองโควต้า อ้างรับซื้อคืนต้นกล้า 30 บาท ส่งโรงงานผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง สุดท้ายปลูกเก้อไม่มีคนรับซื้อจริง และปัดความรับผิดชอบ ทิ้งภาระให้ชาวบ้านเสียหายร่วมร้อยล้าน
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 เวลา 16.00 น.ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นาย วชิรพันธ์ นวมสุวรรณ ชาว จ.ชุมพร พร้อมกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สิทธิชัย โสภา รอง ผกก.สอบสวน กก.5 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรม โดยระบุว่า หลังถูกอดีต ส.ส.จังหวัดชุมพรคนหนึ่ง หลอกให้ลงทุนจองโควต้าปลูกต้นกล้ากระท่อม เพื่อส่งขายโรงงานผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง
แต่พอถึงกำหนดส่งมอบต้นกล้า กลับไม่ยอมรับซื้อตามที่ตกลง ปัดความรับผิดชอบจนกลุ่มเกษตรกรต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย รวมกว่าร้อยล้านบาท พร้อมนำพยานหลักฐานเป็นเอกสารหลักฐานสัญญา ข้อมูลการติดต่อ และเอกสารการโอนเงินมอบให้กับทางพนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา
นาย วชิรพันธ์ เกษตรกร ในพื้นที่ จ.ชุมพร ระบุว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีอดีต ส.ส.ชุมพร คนหนึ่งประกาศรับซื้อต้นกล้ากระท่อมขนาดความสูง 5 เซนติเมตร อ้างว่า จะนำไปส่งขายต่อให้กับโรงงานผลิตเครื่องดื่มชูกำลังรายหนึ่ง โดยประกาศจะรับซื้อต้นละ 30 บาท มีกำหนดส่งมอบเดือนพฤษภาคม และหากถึงกำหนดแล้วไม่สามารถรับซื้อต้นกล้าได้ จะมีการจ่ายค่าดูแลต้นกล้าให้กับกลุ่มเกษตรกรต้นละ 1 บาทต่อเดือน จนกว่าจะมีการรับซื้อ แต่มีข้อแม้ว่า ผู้ที่สนใจจะต้องยอมจ่ายเงินค่าจองโควต้าก่อน ในราคาต้นละ 1 บาท ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ จ.ชุมพร และใกล้เคียงให้ความสนใจติดต่อทำสัญญาจองโควต้าพร้อมโอนเงินค่าจองให้กับ อดีต ส.ส.คนดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
แต่เมื่อถึงกำหนดส่งมอบ กลับไม่มีการรับซื้อต้นกล้า หรือจ่ายเงินค่าดูแลตามที่ตกลงกันไว้ อ้างติดปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย พร้อมบ่ายเบี่ยงปัดความรับผิดชอบ ส่งผลให้ตนและเกษตรกรคนอื่นๆ ที่หลงเชื่อ ได้รับความเสียหายและต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายจากการลงทุนเพาะปลูก เป็นอย่างมาก รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท เฉพาะกลุ่มของตัวเองมีประมาณ 20-30 คน เสียหายรวมกว่า 25 ล้านบาท
“ก่อนหน้านี้ผมและผู้เสียหายรายอื่น เคยเข้าแจ้งความไว้ตามท้องที่ต่างๆ แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ประกอบกับตัวของคู่กรณีเป็นถึงอดีตส.ส.จังหวัดชุมพร เป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงตัดสินใจรวมตัวกันนำเรื่องเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับทางตำรวจกองปราบปรามฯในวันนี้” นายวชิรพันธ์ กล่าว
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.ได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหาย เพื่อนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนส่งต่อให้กับทางผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการตามขั้นตอนต่อไป