“มนัญญา” ประธานประชุม คพช. เร่งแก้ไข ปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อประโยชน์สมาชิก แก้กลโกงสหกรณ์

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ (คพช.) ครั้งที่ 4/2565 โดยมี นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุรเดช สมิเปรม รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ผู้บริหารกรมส่งเสริมสหกรณ์ ประธานสันนิบาตสหกรณ์ คณะกรรมการฯ เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 123 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของสหกรณ์

321161894 914984359876824 8507084697133676179 n
ประชุมเร่งแก้ไขกลโกงสหกรณ์

โดยมีวาระที่สำคัญ อาทิ การกำหนดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม กรณีการซื้อสิทธิขายเสียงการเป็นคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ รวมทั้งที่ประชุมรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการสหกรณ์ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2566 – 2570) และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผลแผนพัฒนาการสหกรณ์ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2566 – 2570) รวมทั้งแนวทางการตรวจสอบคุณสมบัติการเป็นชุมนุมสหกรณ์ระดับประเทศ การประชุมเชิงวิชาการการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการสหกรณ์ ฉบับที่ 5 ตลอดจนแผนการประชุมคณะกรรมการการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ ปี พ.ศ. 2566

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบในประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1. เห็นชอบการเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเรื่องนโยบายและแนวทางในการพัฒนาการสหกรณ์ ซึ่งบรรจุอยู่ในแผนพัฒนาการสหกรณ์ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2566-70) ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และ 2. เห็นชอบร่างคำสั่งคณะกรรมการพัฒนาการสหกรณ์แห่งชาติ เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริม สนับสนุนการขยายธุรกิจและกิจการของสหกรณ์ เพื่อกำหนดแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนการขยายธุรกิจและกิจการของสหกรณ์ การร่วมมือกับภาคเอกชนให้มีส่วนในการพัฒนาการสหกรณ์ การกำหนดแนวทางในการประสานงานระหว่างส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจหรือภาคเอกชน เพื่อให้การส่งเสริมสนับสนุนกิจการของสหกรณ์ รวมทั้งสร้างการเชื่อมโยงและร่วมมือกันทางธุรกิจและสังคม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของขบวนการสหกรณ์ให้สำเร็จตามเป้าหมาย

 

นอกจากนี้ รมช.เกษตรฯ มนัญญา ยังได้เน้นย้ำในที่ประชุมในการแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ ของสหกรณ์ ต้องสร้างความน่าเชื่อถือ และความมั่นคง เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สมาชิกให้มีความเชื่อมั่นในสหกรณ์นั้น ๆ ที่สำคัญการแก้กฎระเบียบที่ผ่านมา จะต้องสามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตในสหกรณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของระบบสหกรณ์ไทย และลดการโกงในระบบสหกรณ์ให้เกิดเป็นรูปธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เคยเกิดเรื่องอื้อฉาวปัญหาการทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาแล้ว เป็นข่าวครึกโครมเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่มีรายงานยอดความเสียหายพุ่งสูงถึงตัวเลข 600 กว่าล้านบาท โดยในครั้งนั้นมีการดำเนินคดีและศาลได้ออกหมายจับ 2 คน เป็นอดีตหัวหน้าฝ่ายการเงิน และอดีตผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯ และทั้งสองคนหลบหนีคดีไป โดยมีพฤติการณ์การทุจริตของเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับสมุดเงินฝาก 4 ลักษณะ คือ

1.มีการถอนเงินฝาก โดยการปลอมแปลงลายมือชื่อสมาชิก

2.มีการคีย์ข้อมูล ฝาก-ถอน ที่มีการทุจริตทุกรายการในระบบ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบความผิดปกติของตัวเลขทางบัญชีได้

3.มีการปรับแต่งตัวเลขในสมุดเงินฝาก ให้เป็นไปตามรายการ ฝาก-ถอน ที่สมาชิกทำธุรกรรมกับสหกรณ์

4.ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับสมาชิกที่มาทำธุรกรรม ฝากและถอนเงินด้วยเงินสด

สำหรับบัญชีสมาชิกสหกรณ์ฯที่ถูกยักยอกเงินไป ส่วนใหญ่ยังเป็นบัญชีที่มียอดเงินฝากจำนวนมาก กระแสเงินในบัญชีไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน มีเจ้าของบัญชีบางรายมีตำแหน่งเป็นถึงอดีตอธิบดีโดนยักยอกเงินไปจำนวนหลายล้านด้วย